6/30/2560

จะเป็นอย่างไร?..หาก 3 จชต.ใช้กฎหมายชารีอะฮ์

"แบมะ ฟาตอนี"


สังคมมนุษย์ไม่ว่าจะที่ใดในโลกจะดำรงอยู่โดยปกติสุขได้นั้น จะต้องมีระเบียบ แบบแผน หรือกฎเกณฑ์ให้ทุกคนยึดถือปฏิบัติตาม เพื่อกำหนดความประพฤติของมนุษย์เพื่อให้เกิดความสงบ เรียบร้อยในสังคม กฎเกณฑ์นี้เองเรียกว่า กฎหมาย

ระบบกฎหมายที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ระบบคือ ระบบซีวิลลอว์ ระบบคอมมอนลอว์ ระบบทวินิติ (ทั้งซีวิลลอว์และคอมมอนลอว์) กฎหมายขนบธรรมเนียม และกฎหมายชารีอะฮ์
กฎหมายในระบบอื่นๆ ผู้เขียนจะไม่ขอกล่าวถึง แต่จะขอกล่าวเฉพาะ กฎหมายชารีอะฮ์ ที่มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งคิดต่างจากรัฐมีความพยายามจะนำมาใช้หากแยกสามจังหวัดชายแดนภาคใต้สำเร็จตั้งตนเป็น เอกราช

กฎหมายชารีอะฮ์ คืออะไร?

กฎหมายชารีอะฮ์ (Sharia หรือ Shari'ah) เป็นกฎหมายทางศีลธรรมของศาสนาอิสลาม ที่ควบคุมความประพฤติของคน ทั้งที่เป็นการกระทำต่อสาธารณะ และความประพฤติส่วนตัว กฎหมายชารีอะฮ์ยังควบคุมรูปแบบการปกครอง สังคมและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

เนื้อหาของกฎหมายชารีอะฮ์ มาจากคัมภีร์อัลกุรอาน และตัวอย่างการดำเนินชีวิตขององค์ศาสดา มูฮัมหมัดเป็นต้นแบบ แต่บางครั้งก็ใช้ ฟัตวาหรือคำตัดสินของผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอิสลามในการชี้ขาด

การตีความกฎหมายชารีอะฮ์ จะมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ  แต่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าการกระทำที่นับว่าเป็นความผิดร้ายแรง ได้แก่ การลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์ มีเพศสัมพันธ์นอกสมรส และการดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ กฎหมายชารีอะฮ์ยังควบคุมด้านการกินอาหาร การอดอาหาร การสวดมนต์ การเข้าพิธีกรรม สุขอนามัย การค้าขาย และการเงิน

ปัจจุบันประเทศที่ใช้กฎหมายชารีอะฮ์อย่างเต็มรูปแบบ ได้แก่ ประเทศอัฟกานิสถาน อิหร่าน อิรัก มัลดีฟส์ ปากีสถาน กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย เยเมน มอริเตเนีย และประเทศซูดาน

ความพยายามของกลุ่มขบวนการและปีกการเมืองใน จชต.

เป็นที่ทราบกันดีว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการทางการเมืองแบ่งแยกดินแดน จุดประสงค์หลักเพื่อปลดปล่อยเป็นรัฐอิสระจากรัฐบาลไทย สถาปนาตนเองเป็นรัฐอิสลามบริสุทธิ์ปาตานีดารุสลาม นำกฎหมายชารีอะฮ์มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ

ก่อนอื่นเรามาดูวิธีการ และยุทธวิธีการต่อสู้ของกลุ่มขบวนการที่จะเดินไปสู่จุดหมายคือเอกราช มีรูปแบบอย่างไร? ซึ่งพอจะแยกแยะการต่อสู้ใน 2 รูปแบบด้วยกัน กล่าวคือ มีการใช้กำลังกองโจร RKK ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ส่งผลให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน เพื่อต้องการแสดงศักยภาพความมีตัวตนของกลุ่มขบวนการแต่ไม่เคยแสดงตัวรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นต่อการกระทำที่ชั่วร้ายผิดหลักศาสนาอย่างร้ายแรง
กลุ่มขบวนการใช้ปีกการเมือง ตั้งองค์กรภาคประชาสังคม กลุ่มเยาวชนนักเรียนนักศึกษา เดินหน้าปลุกกระแสการกำหนดใจตนเอง (Self-determination) เพื่อเดินหน้าไปสู่การลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากรัฐไทย รูปแบบวิธีการมีการแบ่งงานกันทำร่วมกันตีมุ่งไปสู่จุดหมายเดียวกัน โดยใช้เงื่อนไข กล่าวหาเจ้าหน้าที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางต่อการบังคับใช้กฎหมาย และมีความพยายามสื่อให้เห็นว่าพื้นที่ จชต. เป็นพื้นที่ขัดแย้งกันด้วยอาวุธ (Armed conflict) เพื่อให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซง เดินตามรอยแนวทางประเทศติมอร์-เลสเต หรือ ติมอร์ตะวันออกที่แยกตัวเป็นเอกราชจากประเทศอินโดนีเซีย

การนำกฎหมายชารีอะฮ์มาใช้ใน 3 จชต.เหมาะสมหรือไม่?

ลองคิดเล่นๆ หากขบวนการทางการเมืองแบ่งแยกดินแดนต่อสู้และสามารถปลดปล่อยสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นรัฐอิสระจากรัฐบาลไทย สถาปนาตนเองเป็นรัฐอิสลามบริสุทธิ์ปาตานีดารุสลามนำกฎหมายชารีอะฮ์มาใช้จะมีความเป็นไปได้ หรือมีความเหมาะสมหรือไม?

ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่ากฎหมายชารีอะฮ์มาจากคัมภีร์อัลกุรอาน และตัวอย่างการดำเนินชีวิตขององค์ศาสดามูฮัมหมัดเป็นหลัก แต่บางครั้งก็ใช้ ฟัตวา หรือคำตัดสินของผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอิสลาม ในการควบคุมความประพฤติของคน ควบคุมรูปแบบการปกครอง สังคมและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งปวง

กฎหมายชารีอะฮ์ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีพื้นฐานมาจากหลักวิถีศาสนาอิสลามสำหรับมุสลิม บทลงโทษสำหรับผู้กระทำความผิด เช่น การเฆี่ยนในคดีดื่มสุรา การถูกปาก้อนหินจนเสียชีวิตในคดีผิดประเวณี ความผิดมีชู้  มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก การลงโทษด้วยการถูกตัดอวัยวะในคดีขโมยทรัพย์สิน บทลงโทษดังกล่าวมีความโหดร้ายและลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์

นอกจากนี้กฎหมายชารีอะห์  ยังมีบทลงโทษที่รุนแรง และจะลงโทษผู้กระทำผิดฐานข่มขืน ฆาตกรรม การเลิกนับถือศาสนาอิสลาม ปล้นโดยใช้อาวุธ หรือการค้ายาเสพติด ด้วยการประหารชีวิต

กฎหมายชารีอะฮ์ ยังครอบคลุมวิถีการดำเนินชีวิตของชาวมุสลิมทุกด้าน อาทิ ข้อบังคับการเรียน กำหนดโทษปรับหรือจำคุกในความผิดตั้งแต่การประพฤติตัวไม่เหมาะสม ข้อกำหนดการไปละหมาดที่มัสยิด การตั้งครรภ์นอกสมรส การผิดบาปมีรักกับคนเพศเดียวกัน และอีกหลายประการ

ย้อนกลับมาดูวิถีชีวิตและการใช้ชีวิตของพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ จชต.ในปัจจุบัน ที่มีการใช้ชีวิตอย่าง มีความสุข มีเสรีภาพในการประกอบศาสนกิจ อยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมกับผู้คนต่างศาสนาอย่างกลมกลืน ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน หากกลุ่มขบวนที่ต้องการให้พื้นที่ จชต.เป็นรัฐอิสลามบริสุทธิ์ปาตานีดารุสลามนำกฎหมายชารีอะฮ์มาใช้อย่างเต็มรูปแบบคงเป็นไปได้ยาก และขัดแย้งต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนที่เป็นอยู่

ในปัจจุบันประชาชนในพื้นที่ จชต.มีความพึงพอใจต่อนโยบายของรัฐบาลที่ได้อนุมัติจัดสรรงบประมาณโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจ ยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้อยู่ดีกินดี โดยเฉพาะการสนับสนุนในเรื่องกิจกรรมทางศาสนา การประกอบศาสนกิจของพี่น้องมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่นครมักกะหฺประกอบพิธีฮัจญ์ หรือแม้กระทั่งการอุมเราะห์ รัฐบาลสนับสนุนและดูแลตั้งแต่ต้นทางก่อนไป ระหว่างประกอบศาสนกิจ จนกระทั่งเดินทางกลับบ้านเป็นอย่างดี แม้แต่ประเทศที่ เป็นดารุสลามในหลายๆ ประเทศแถบตะวันออกกลางยังดูแลไม่ดีเท่า...แล้วการที่กลุ่มขบวนการและปีกการเมืองต้องการให้ จชต.เป็นปาตานีดารุสลามทำการโฆษณาชวนเชื่อของข้อดีในการนำกฎหมายชารีอะฮ์มาใช้กับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งนี้.....คิดหรือ? ว่าจะมีผลดีมากกว่าผลเสียผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ คงหนีไม่พ้นพี่น้องมุสลิมที่เป็นเบี้ยล่างให้กับกลุ่มขบวนการ......

--------------------------------

6/26/2560

‘ซะกาด’เงินบริจาค..กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นนำไปใช้ทำอะไร?

"กะ กันดา"


ซะกาต ภาษาอาหรับ: زكاة IPA: [zækæːh] หรือ ทานประจำปี หมายถึงทรัพย์สินส่วนเกินจำนวนหนึ่ง ซึ่งมุสลิมต้องจ่ายให้แก่ผู้ที่มีสิทธิได้รับเมื่อครบรอบปี ถ้ามุสลิมคนใดมีทรัพย์สิน เงินทอง สินค้าที่เหลือในรอบปีแล้วไม่ทำการบริจาค ผู้นั้นก็ผู้หนึ่งที่ทำผิดบัญญัติของอิสลาม

โทษของผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมจ่ายซะกาต ใคร? ที่ไม่ยอมจ่ายซะกาตโดยปฏิเสธการวาญิบของมัน ในขณะที่เขารู้หุก่มของมันดีถือว่าเขาเป็น กาฟิร ต้องทำการเก็บซะกาตจากเขา และต้องโทษประหารหากเขาไม่กลับตัวเตาบัตเพราะเขาได้ตกจากศาสนาแล้ว แต่หากเขาไม่ยอมจ่ายเพราะความตระหนี่ถือว่าไม่ตกจากศาสนา และต้องทำการจัดเก็บจากเขาพร้อมกับลงโทษด้วยการยึดทรัพย์ของเขาครึ่งหนึ่ง
วาญิบเหนือผู้ที่ครอบครองทรัพย์ครบพิกัดที่จะต้องทำการจ่ายซะกาตของทรัพย์นั้น เพราะอัลลอฮฺได้สัญญาด้วยการลงโทษที่แสนสาหัสสำหรับทุกคนที่ไม่ยอมจ่ายซะกาต

ที่กล่าวมาคือบทบัญญัติของศาสนาอิสลามในการจ่ายซะกาตและบทลงโทษของผู้ที่ไม่ยอมจ่าย ผิดบทบัญญัติของศาสนา ซึ่งมุสลิมที่ดีจะต้องปฏิบัติตาม และหากไม่ปฏิบัติยังถือว่าเป็นการผิดกฎหมายในบางประเทศที่ใช้กฎหมายอิสลาม ส่วนในประเทศไทยของเราพี่น้องมุสลิมจะต้องจ่ายทั้งซะกาตและเงินภาษีให้กับรัฐ

จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยคนส่วนใหญ่ต่างนับถือศาสนาอิสลาม และเป็นพื้นที่เกิดปัญหาความไม่สงบจากกลุ่มที่คิดต่างจากรัฐทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ตลอดจนมีการปลุกระดม บ่มเพาะ เพื่อแย่งชิงมวลชนเข้าร่วมเป็นสมาชิกขบวนการ โดยอาศัยความเป็นมลายู การนับถือศาสนา เชื้อชาติ รวมถึงประเพณีวัฒนธรรม และอัตลักษณ์เดียวกัน จึงง่ายต่อการชักนำสร้างความรู้สึกร่วมให้ผู้คนเหล่านั้นต่อต้านอำนาจรัฐ

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นใช้ได้ผลตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาคือประเด็นในเรื่องของศาสนา อาศัยความละเอียดอ่อนในเรื่องของความรู้สึกต่อความคิด ความเชื่อ ความศรัทธาของผู้ที่นับถือ นำไปสู่การบิดเบือนหลักคำสอนศาสนาให้กลุ่มสมาชิกแนวร่วมหลงเชื่อ โดยอาศัยผู้นำศาสนาที่ผู้คนเคารพนับถือ อิหม่าม อุสตาส ในการใส่ข้อมูลผิดๆ บ่มเพาะจนกระทั่งคนเหล่านั้นเห็นถูกเป็นผิด ยอมถวายตัวลงมือก่อเหตุและเข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องฆ่าคนแล้ว ได้บุญ ไม่บาป เป็นการต่อสู้เพื่อศาสนากำจัดผู้รุกรานแผ่นดินเกิด

กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น ได้อาศัยบทบัญญัติศาสนาอิสลามในการแสวงประโยชน์จากการจ่ายซะกาตหลายท่านคงได้ยินได้ฟังนี้มาว่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีการจัดเก็บเงินซะกาตจากพี่น้องมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ 1 บาทต่อคน ซึ่งในความคิดของใครหลายคนอาจจะคิดว่าเงิน 1 บาทเล็กน้อยมาก ผู้เขียนเองก็สงสัยมานานเหมือนกันว่าเป็นความจริงหรือไม้? อย่างไร? แต่ได้เพียงเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ จนกระทั่งได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนพูดคุยกับผู้ที่คร่ำหวอดปฏิบัติงานอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีข้อมูลความจริงครบถ้วนอยู่ในมือ และแล้ว..ถึงบางอ้อ!!!..แท้จริงแล้วกลุ่มขบวนบีอาร์เอ็นนำเงินที่ได้จากการบริจาคนั้นไปใช้ทำอะไร?

ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตน ขบวนการบีอาร์เอ็นกล้าที่จะบิดเบือนหลักศาสนา ไม่มีความย่ำเกรงต่อพระเจ้า ไม่เกรงกลัวต่อบาป นำเงินจากการบริจาคซะกาตของพี่น้องมุสลิมไปใช้ผิดประเภทผิดหลักศาสนา ผิดอย่างไร? เรามาดูข้อมูลกันค่ะ..

การแสวงผลประโยชน์ของกลุ่ม BRN ซึ่งนับวันยิ่งเด่นชัดขึ้นทุกที เค้าลางความชั่วร้ายที่เห็นจางๆ ในอดีต กลับเริ่มปรากฏกายให้เห็นชัดขึ้นท่ามกลางกลิ่นควันปืนและเสียงระเบิด เสียงโอดโอยของผู้บาดเจ็บ เสียงร่ำไห้ของผู้สูญเสีย ความเชื่อมโยงของกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นกับเครือข่ายค้าของเถื่อน ยาเสพติด มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง หรือกระทั่งแม้แต่การเรี่ยไร หรือขอรับเงินบริจาค เพื่ออ้างนำไปสร้างมัสยิดเพื่อใช้ประกอบศาสนกิจ หรือสถาบันการศึกษาทางศาสนาปอเนาะ กลับพบว่ามีเงินทุนที่ได้รับจากการบริจาคทั้งในพื้นที่เอง และจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จากการบอกเล่าของคนในพื้นที่ได้ให้ข้อมูลว่าเงินเหล่านี้บางส่วนมีการนำไปสร้างหรือใช้งานจริง แต่เงินบางส่วนได้ส่งให้กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นนำเงินไปจัดซื้อหาอาวุธ อุปกรณ์ผลิตระเบิด อีกทั้งเป็นค่าจ้าง ค่าเลี้ยงดูผู้ก่อเหตุรุนแรงที่หลบหนีเงื้อมมือของกฎหมาย

ยังไม่นับรวมถึงเงินที่ได้รับการบริจาคซะกาตของพี่น้องมุสลิม แกนนำกลุ่มขบวนการกลับเอาไปใช้ส่วนตัว เสวยสุขสำราญอยู่ดีกินดียังต่างประเทศ รวมทั้งมีการนำไปสร้างบ้านใหม่ ซื้อรถใหม่ให้กับตัวเองญาติพี่น้องในเมืองไทย ซึ่งผิดหลักศาสนาอย่างร้ายแรง ที่นำเงินบริจาคซะกาตไปใช้ในทางที่ผิดถือว่าเป็นบาปหนัก

ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมานานหมักหมมมาหลายสิบปี คนที่ตั้งใจบริจาคซะกาตมีความคิดดี แต่คนคิดชั่วกลับนำบริจาคซะกาตไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ลองคำนวณเล่นๆ กันดูค่ะว่าเงินบริจาคที่พี่น้องมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ร่วมกันซะกาต 1 บาทต่อคน หากประชากรในพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ บวกรวม 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา มีพี่น้อง 3 แสนคน ตกเดือนหนึ่งได้เงินซะกาต3 แสน ปีหนึ่ง 3 ล้านหกแสนบาท แล้วเวลาที่ผ่านมาเงินซะกาตที่กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นนำไปใช้รวมแล้วร่วมๆ เกือบ 100 ล้านกว่าบาท กลับมาซ้ำเติมปัญหาด้วยการก่อเหตุ สุมไฟใต้ไม่ให้มอดดับเพื่อผลประโยชน์ของแกนนำเพียงไม่กี่คน แล้วปัญหาความเดือดร้อนทั้งปวงตกอยู่ที่ใคร? คงหนีไม่พ้นพี่น้องมุสลิมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เองที่ต้องตกเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำ นำไปสู่ความเดือดร้อนที่กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นหยิบยื่นให้....จากเงินบริจาคซะกาตของเราเอง....

-----------------------

6/22/2560

ใคร?..คือคนสั่งตาย‘อุสตาสดารี’

"แบมะ ฟาตอนี"


สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงเดินหน้าก่อเหตุไม่เว้นวัน แม้ว่าเดือนนี้จะเป็นเดือนรอมฎอน เดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิมก็ตามที ซึ่งผู้ที่ลงมือปฏิบัติการไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป เดินหน้าเข่นฆ่าผู้คนด้วยการลอบยิง ลอบวางระเบิดคร่าชีวิตประชาชน เจ้าหน้าที่ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นำศาสนา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมาคนร้ายได้ลงมือก่อเหตุด้วยการลอบยิงนายอาแว  เตาะซาตู หรืออุสตาสดารีอุสตาสสอนศาสนา และเป็นเจ้าของโรงเรียนมูลนิธิชุมชนอิสลาม บ้านปะแดลางา หมู่ที่ 5 ตำบลตะลุปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

อุสตาสดารีไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าชัยฏอนชั่วกำลังมาพรากชีวิตหยิบยื่นความตายถึงหน้ามัสยิดในโรงเรียนสอนศาสนาของตนเอง ซึ่งพฤติกรรมของคนร้ายเป็นการกระทำที่อุกอาจหวังผลต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่กำลังปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฏอน


สาเหตุความตายอุสตาสดารี


อุสตาสดารีเป็นผู้นำศาสนาท่านหนึ่งที่ไม่นิยมความรุนแรง หาทางออกของความขัดแย้งด้วยแนวทางสันติวิธีเป็นผู้ที่ยึดมั่นศรัทธาในหลักคำสอนทางศาสนาที่ถูกต้อง ในขณะเดียวกันที่ผ่านมาต่อต้านการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบของกลุ่มขบวนการ

อีกทั้งอุสตาสดารียังขัดขวางความต้องการของ นายดูนเลาะ แวมะนอในการเอาคนของกลุ่มขบวนการขึ้นเป็นผู้นำศาสนาในพื้นที่

การตายของอุสตาสดารีซึ่งจะพอมองออกถึงเค้าลางปมสังหารในครั้งนี้ว่ามาจากสาเหตุใด? ใคร? คือผู้สั่งการ เมื่อปะติดปะต่อจิ๊กซอร์เข้าด้วยกันแล้ว ผู้ที่อยู่เบื้องหลังสั่งตายอุสตาสดารีคงจะเป็นใครเสียไม่ได้นอกจากแกนนำคนสำคัญเป็นแกนนำสุดโต่งของกลุ่มขบวนการ BRN นายดูนเลาะ แวมะนอ ซึ่งหลบหนีหมายศาลกบดานเงียบยังประเทศเพื่อนบ้าน คอยบัญชาการให้มีการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ นำไปสู่ความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน และเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องของการรักษาผลประโยชน์ อีกทั้งในบางเรื่องอาจจะมาจากความขัดแย้งกันเองภายในกลุ่มขบวนการ จึงมีการสั่งตายตามมายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวกำจัดเสี้ยนหนามยอกอกแล้วโยนผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ นั่นคือพฤติกรรมเดิมๆ ที่กลุ่มขบวนการหน้าตัวเมียใช้มาโดยตลอด.


-------------------------

6/21/2560

ความโหดร้าย...ไร้ความเป็นมนุษย์ในเดือนอันศักดิ์สิทธิ์

โดย...มลายูบางกอก

เราทุกคนทั่วโลกล้วนรู้ดีว่าเดือนรอมฎอน เป็นเดือนแห่งความเมตตาจากพระผู้อภิบาล แห่งสากลจักรวาล ที่พระองค์ทรงมีให้แก่ชั้นฟ้าและแผ่นดิน ดังนั้นในเดือนรอมฎอนของทุกๆ ปีบรรดาปวงบ่าวผู้ศรัทธาจะพยายามปฏิบัติอิบาดะฮฺ  เพื่อสนองคำบัญชาของพระองค์ที่ได้สั่งใช้ และให้ละเว้นในสิ่งที่พระองค์ ทรงห้าม  จุดประสงค์เดียวเท่านั้นที่บรรดาผู้ศรัทธาได้ตั้งใจทำอิบาดะฮฺ ก็เพื่อทำการภักดีที่มีต่อพระองค์อย่างแท้จริงและหวังความโปรดปรานความเมตตาแก่เพื่อนมนุษย์

แต่ก็ยังมีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเป็นสัตว์เดรัจฉานขาดความยำเกรง ต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2560 การกระทำอันโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมของกลุ่มที่มีจิตใจเป็นสัตว์เดรัจฉานแต่มีร่างกายเป็นมนุษย์ ที่ได้สร้างความเสียใจสะเทือนใจ ต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต  ต่อประชาชนทั่วประเทศที่ได้รับทราบข่าวสาร ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการ กองร้อย 15324 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 จำนวน 10 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี เมื่อลาดตระเวนมาถึงจุดเกิดเหตุ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี  คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ได้ซุกซ่อนฝังไว้ใต้ผิวถนน เป็นเหตุให้ทหารกล้าเสียชีวิต จำนวน 6 นาย เป็นนายทหารชั้นประทวน 1 นาย พลทหาร 5 นาย และได้รับบาดเจ็บ 4 นาย


การกระทำอันโหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรมเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่ได้สร้างความเสียใจสะเทือนใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ต่อประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ในห้วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ ที่พี่น้องมุสลิมทั่วโลกต่างมุ่งขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) แสวงหาสร้างความดี งดเว้นการกระทำชั่วร้ายทั้งปวงตามบัญญัติอิสลาม

มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ รู้ดี รู้ชั่ว อะไรควรกระทำและอะไร  ไม่ควรกระทำ ในห่วงเดือนอันศักดิ์สิธิ์นี้ ต่างจากสัตว์เดรัจฉานซึ่ง  คิดดีไม่ได้ ทำดีไม่เป็น ไม่รู้ว่าอะไรควรกระทำ และอะไรไม่ควรกระทำ เปรียบเช่นเดียวกับกลุ่มสัตว์เดรัจฉานกลุ่มนี้ที่ได้ตั้งกลุ่มเป็นภาคีต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ไม่ให้ความยำเกรงเคารพภักดี ได้ฆ่าชีวิตผู้ปกป้องแผ่นดิน และดูแลสร้างความสงบสุขต่อประชาชนของอัลลอฮฺ(ซ.บ.) จนเกิดการนองเลือด บนแผ่นดินที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.)สร้าง กลุ่มสัตว์เดรัจฉานกลุ่มนี้แน่นอนอัลลอฮฺ (ซ.บ.)ได้ห้ามสวนสวรรค์แก่เขา และที่พำนักของเขาก็คือนรก..........


---------------

6/20/2560

10 วันสุดท้ายเดือนรอมฎอนกับความเชื่อของกลุ่มโจรใต้ในการก่อเหตุ

"Ruslan"


เดือนรอมฎอน เดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิมเป็นเดือนของการกระทำแต่ความดีละเว้นความชั่วทั้งปวง เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเดือนนี้เหตุการณ์น่าจะเบาบางลง หรือไม่เกิดขึ้นเลย แต่ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้ามมีเหตุลอบยิง ลอบวางระเบิดมุ่งทำลายชีวิตและทรัพย์สิน สิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน ทำไม? เหตุรุนแรงในเดือนนี้กลับมีสถิติที่สูงขึ้นเรามาไขปมข้อสงสัยกันว่ามาจากสาเหตุอะไร?  

ย้อนกลับไปดูสถิติเหตุรุนแรงในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนเมื่อปีที่แล้ว คือปี 2559 มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นทั้งสิ้น 30 ครั้ง เป็นคาร์บอมบ์ 2 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บ 25 ราย

นั่นคือตัวเลขความสูญเสียที่เกิดขึ้นในเดือนแห่งบุญของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้แจ้งเตือนให้มีการเฝ้าระวัง และเตรียมความพร้อมเมื่อมีการก่อเหตุ แต่มิวายที่เหตุการณ์เดิมๆ ซึ่งเกิดจากน้ำมือกลุ่มขบวนการโจรใต้โดยอาศัยจังหวะและเวลาในการลงมือทำการก่อเหตุ ทำลายเดือนแห่งการกระทำความดีที่คนส่วนใหญ่มุ่งปฏิบัติกลับกลายเป็น รอมฎอนเปื้อนเลือด

สำหรับ 10 วันสุดท้ายเดือนรอมฎอนของปีนี้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน จนถึงวันที่ 24 มิถุนายน สถานการณ์ล่าสุด ณ วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน หรือผ่าน 5 วันของช่วง 10 วันสุดท้ายมาแล้ว มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน คนร้าย 2 คน ทำการก่อเหตุยิงกลุ่มวัยรุ่นหาของป่าที่อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี และเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แว้ง จังหวัดนราธิวาส เสียชีวิตคาโรงพัก เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน

สรุปในช่วง 5 วันแรกของ 10 วันสุดท้ายเดือนรอมฎอนปีนี้ แม้จะมีระเบิดเกิดขึ้นเพียง 1 ครั้ง และยิงด้วยอาวุธปืน 2 ครั้ง แต่มีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 10 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่และชาวบ้านที่ต้องมาสูญเสียจากการกระทำของกลุ่มโจรใต้

อะไร? คือสาเหตุและแรงจูงใจให้กลุ่มขบวนการโจรใต้ลงมือก่อเหตุในห้วงสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน และส่งผลให้เหตุรุนแรงเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

สาเหตุหลักเกิดจากกลุ่มขบวนการโจรใต้ได้รับการปลูกฝังแนวความคิด และถูกบ่มเพาะอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน ให้มีความเชื่อว่าหากทำการก่อเหตุช่วงนี้ จะได้บุญเพิ่มเป็น 10 เท่าที่สำคัญ มีการบิดเบือนหลักคำสอนทางศาสนา กล่าวอ้างว่าดินแดนปาตานีซึ่งหมายถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เป็นดินแดนที่คนมุสลิมถูกกดขี่ถูกรุกราน 

ฉะนั้นจะต้องลุกขึ้นต่อสู้ทำสงครามศาสนาเพื่อปลดปล่อยปาตานี เมื่อตีความว่าดินแดนนี้เป็น ดินแดนสงคราม” ใครที่ทำลายฝ่ายศัตรูก็จะได้บุญ โดยเฉพาะในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน ก็จะได้บุญเพิ่มเป็น 10 เท่า

ปัจจุบันการเผยแพร่แนวความคิดความเชื่อลักษณะเช่นนี้ก็ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ถูกบ่มเพาะอุดมการณ์ซึ่งใช้สถานศึกษา สถาบันปอเนาะเป็นศูนย์กลางให้กับกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ๆ ที่เรียกกันว่า แนวร่วมรุ่นใหม่” หรือ นักรบรุ่นใหม่

นั่นคือการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนาอิสลามของกลุ่มขบวนการโจรใต้ แต่ในความเป็นจริงบทบัญญัติศาสนาอิสลาม อธิบายไว้ว่าสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน เป็นสิบวันที่มุสลิมจะต้องสร้างคุณงามความดี โดยการถือศีลอดตามหลักปฏิบัติของมุสลิม ถือว่าเป็นเดือนที่มีแต่การให้แก่ผู้อื่น รวมทั้งการไม่ทำร้าย ไม่ทำลาย ไม่เบียดเบียนให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือเสียหาย

ฉะนั้นพี่น้องมุสลิมส่วนใหญ่จะเสียใจมาก หากมีลูกหลานญาติมิตรกระทำการใดๆ ที่จะนำไปสู่ให้เพื่อนบ้านเดือดร้อนก่อให้เกิดสังคมในพื้นที่วุ่นวาย มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายในห้วงเดือนรอมฎอน จากการกระทำของกลุ่มขบวนการโจรใต้ที่ได้รับความเชื่อผิดๆ เป็นการทำลายเดือนแห่งบุญที่ผู้คนส่วนใหญ่ปฏิบัติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน จึงขอเรียกร้องให้สังคมมุสลิมมุ่งมั่นทำความดี ละเว้นความไม่ดีทั้งปวง เป็นช่วงเดือนที่ต้องขออภัยและให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาดทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจต่อกัน เพื่อความสงบสันติสุขอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นในพื้นที่ปลายด้ามขวานเหมือนในอดีตที่ผ่านมา.

--------------------------

6/19/2560

ประตูสวรรค์หรือประตูนรก เปิดรอให้ท่านเลือกทางเดินเอง ?

โดย...มลายูบางกอก


             ถ้าต้องกล่าวถึงเรื่องการทำดีหรือทำชั่ว สำหรับผู้ที่ยังยึดติดกับคำสอนที่ผิดๆ
จากพวกแสวงหาผลประโยชน์
BRN ซาตานในคราบมนุษย์ ที่ว่าฆ่าคนในเดือนรอมฎอนได้บุญหลายเท่าแค่คิดก็ผิดแล้ว เพราะการฆ่าหรือทำร้ายเพื่อนร่วมโลก ไม่ว่าคนๆนั้นจะนับถือศาสนาหรือเชื้อชาติใดก็ล้วนแล้วแต่เป็นบาปด้วยกันทั้งนั้นโดยเฉพาะในห่วงเดือนรอมฎอนเป็นการถือศีลอดของพ่อแม่พี่น้องทุกท่านที่เป็นมุสลิม ยิ่งไม่สมควรที่จะประพฤติตัวให้ผิดต่อหลักคำสอนเพราะจะได้รับบาปทวีสูงเป็นหลายเท่าตัว  การมาเยือนของเดือนรอมฎอนนั้นเป็นสัญญาณแห่งความดีงามแก่ผู้ที่มีความศรัทธา ด้วยความเมตตา และความโปรดปรานของอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา พระองค์จึงได้ทรงเปิดบรรดาประตูสวรรค์เสมือนว่าพระองค์ทรงต้อนรับบ่าวที่มีความศรัทธาและมีความภักดีต่อพระองค์ และยินยอมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่างของพระองค์ แม้ว่าจำต้องอดอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนลดความรู้สึกของอารมณ์ใฝ่ต่ำ โดยหวังในผลตอบแทนและผลบุญจากพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น  หากยังมีบุคคลที่คิดจะกระทำความชั่วในเดือนที่ได้ชื่อว่าประเสริฐที่สุด ก็แสดงว่าบุคคลผู้นั้นไม่ได้ยำเกรงต่อ องค์อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา คนๆนั้นก็จะต้องเดินไปสู่ประตูนรกอย่างแน่นอน  เพราะฉนั้นเราทุกคนจงอย่าได้เฉียดเข้าไปใกล้ความชั่วร้าย อย่าทิ้งละหมาด อย่าขาดถือศีลอด อย่าพูดจานินทาว่าร้ายใคร ทำมาหากินแต่ริสกีที่ดี อย่าหันหลังให้มัสยิด   ในอัลกุรอาน ซูเราะห์บะนีอิสรออีล อายะห์ที่ ๗  พระผู้อภิบาลทรงตรัสว่า “หากพวกเจ้าปฏิบัติความดีงาม ทำตามที่ใช้และงดเว้นเรื่องที่ห้าม พวกเจ้าก็ปฏิบัติความดีงามเพื่อตัวเจ้าเอง เพราะบุญกุศลย่อมได้แก่เจ้าตัวผู้ปฏิบัติ แต่ถ้าหากพวกเจ้าทำชั่ว กรรมชั่วแห่งพวกเจ้าก็จะตกหนักแก่ตัวพวกเจ้าเอง”  
 ผลบุญและบาปที่ได้รับในเดือนรอมฎอนนั้นมีอยู่จริง เช่นเดียวกับสวรรค์และนรกก็มีอยู่จริง หากมีผู้ใดกระทำในสิ่งที่ไม่ดีไม่ว่าจะร้ายแรงแค่ไหน ผลของการกระทำประการแรกที่จะได้รับคือ การเป็นอยู่อย่างทุกข์ทนทรมานใจ ต้องคอยหลบๆซ่อนๆและอดอยาก มีแต่ความหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลาทำให้เดือดร้อนทั้งตัวผู้ที่กระทำผิดและครอบครัวก็ต้องเดือดร้อนไปด้วยเพราะมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำนั้น และนี่เองคือการตกนรกทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่ และหลังจากตายไปแล้วประตูนรกก็จะเปิดออกเพื่อจับดวงวิญญาณของผู้ที่กระทำผิดไปชดใช้กรรมในนรกอย่างหนัก และหากครอบครัวมีส่วนรู้เห็นก็ต้องตกนรกเพื่อร่วมชดใช้กรรมนั้นไปด้วย  หากกระทำแต่ความดีปฎิบัติให้อยู่ในหลักคำสอนขององค์อัลลอฮฺ  สุบหานะฮูวะตะอาลา บุคคลผู้นั้น ประการแรกที่จะได้รับคือ ความสุขกายสบายใจครอบครัวก็อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขอยู่กินอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และนี่เอง  คือการขึ้นสวรรค์ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อตายไปประตูสวรรค์ก็จะเปิดออกเพื่อรับทั้งผู้ปฎิบัติดี และครอบครัวที่ร่วมกันทำแต่สิ่งที่ดีงามในเดือนที่ได้ชื่อว่าประเสริฐที่สุดได้อยู่ร่วมเฉลิมฉลองในวันฮารีรายอ...ท่านคิดเอาเองว่าท่านอยากเดินเข้าประตูสวรรค์หรือยอมที่จะเดินเข้าสู่ประตูนรกยะฮันนัม