"แบมะ ฟาตอนี"
ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี
(มลายู: Barisan
Revolusi Nasional Melayu Patani หรือ BRN ก่อตั้งเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2503 โดยอุสตาซ อับดุลการิม ฮัสซัน ได้จัดตั้งหน่วยทหารใช้ชื่อว่า
กองกำลังติดอาวุธปลดแอกอิสลามปัตตานี
เมื่อปี พ.ศ.2520
ได้เกิดความแตกแยกภายในองค์กร แตกออกเป็น บีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต บีอาร์เอ็น
คองเกรส และ บีอาร์เอ็น อูลามา ทำการต่อสู้มาอย่างยาวนาน
เป้าหมายเดียวกันคือต้องการแยกตัวเป็นเอกราชจากรัฐบาลไทย
จุดเริ่มต้นของความรุนแรงเชื้อปะทุของไฟใต้ถูกจุดเมื่อปี 2547
กลุ่มขบวนการคอยราดน้ำมันบนกองเพลิงหล่อเลี้ยงไฟใต้ไม่ให้มอดดับมาจวบจนปัจจุบัน
ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี
หรือ BRN
หยิบอาวุธทำการต่อสู้ มุ่งก่อเหตุด้วยการลอบยิง
ลอบระเบิดเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ มีการก่อกวนลอบวางเพลิงสถานที่ราชการ
กล้อง cctv ทำลายระบบไฟฟ้า เครื่องส่งสัญญาณโทรศัพท์
สร้างความเดือดร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่เคยแสดงตัวรับผิดชอบว่าเป็นฝีมือของกลุ่มไหน
ในขณะที่ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี
หรือ BRN
แสดงกำลังใช้ความรุนแรงเพื่อแสดงศักยภาพต่อกรกับอำนาจรัฐอยู่นั้น
กลับมีกลุ่มองค์กรซึ่งเป็นปีกการเมืองกลุ่มขบวนการ ใช้ยุทธวิธีโลกล้อมไทยเคลื่อนไหวงานการเมือง
ใช้แนวทางการต่อสู้ที่ไม่ใช้กำลัง (non violent)
ผู้ที่เคลื่อนไหวเป็นปีกการเมืองกลุ่มขบวนการ
เป็นคนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้านิยมความรุนแรงยิ่งกว่า BRN หรือเรียกว่า
Ultra BRN กลุ่มคนเหล่านี้มีแนวทางการต่อสู้ด้วยการปลุกระดมประชาชนในพื้นที่
โดยอาศัยความเป็นชาติพันธ์ อัตลักษณ์ ภาษา และศาสนาเดียวกัน แสดงสิทธิการเป็นเจ้าของสร้างความรู้สึกร่วมถูกสยามล่าอาณานิคมดินแดนปัตตานีถูกยึดครองจากสยาม
อีกทั้งพื้นที่แห่งนี้มีอัตลักษณ์เป็นของตนเอง แต่กลับถูกรัฐไทยกลืนกินทำลายความป็นอัตลักษณ์มลายู
กล่าวหาเจ้าหน้าที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง และต้องการสื่อให้เห็นว่าพื้นที่
จชต.เป็นพื้นที่ขัดแย้งด้วยอาวุธ
ทั้งหมดที่กล่าวมากลุ่ม
Ultra
BRN ต้องการสื่อไปยังองค์กรระหว่างประเทศ
เพื่อต้องการรายงานสถานการณ์ในพื้นที่
หวังยืมมือองค์กรเหล่านั้นเข้ามาแทรกแซงจัดการปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
เพื่อนำไปสู่การกำหนดใจตนเอง (Right to Self-Determination)
ที่มีติมอร์ตะวันออก มินดาเนาเป็นต้นแบบ
กลุ่ม Ultra BRN ตัวพ่อที่เป็นที่รู้จักกันได้แก่ นายอาเต็ฟ
โซ๊ะโก นายสุไฮมี ดูละสะ นายอาฟาน วัฒนะ ซึ่งบุคคลเหล่านี้เคยมีบทบาทขับเคลื่อนในกลุ่มสหพันธ์นิสิตนักศึกษา
นักเรียน และเยาวชนปาตานี (PerMAS) มาก่อน นอกจากนี้ยังมี นายตูแวดานียา
ตูแวแมแง ผอ.สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาหรือที่รู้จักกันในนาม LEMPAR
(Lembaga Patani Raya untuk kedamaian dan pembangunan) และยังมีอีกหลายกลุ่มที่ทำงานสอดรับซึ่งกันและกัน
มีจุดร่วมและเป้าหมายเดียวกันนั่นคือ“เอกราช”
การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
นอกจากปกป้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนในพื้นที่แล้ว
ยังต้องต่อสู้กับกลุ่ม Ultra
BRN ซึ่งเป็นปีกการเมืองขบวนการ BRN ที่ปลุกระดมประชาชนให้การสนับสนุนแนวทางของตน
มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง พูดความจริงแค่บางส่วน พูดความจริงไม่หมด เฉพาะในส่วนที่ฝ่ายตนได้เปรียบ
อย่างเช่นข้อกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยการทําสนธิสัญญาว่าด้วยเรื่อง“การกำหนดใจตนเอง”ซึ่งหากตีแผ่ความจริงแล้วพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่สามารถกระทำได้
การไม่รู้แล้วหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง
คือความเขลาที่ไม่น่าให้อภัย เพราะฉะนั้นจงระวัง!! และคิดไตร่ตรองให้จงหนักกับการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่ม Ultra BRN มิเช่นนั้นจะตกเป็นเครื่องมือให้กับคนเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว...จะกลายเป็นคนที่เนรคุณต่อแผ่นดินเกิด
ให้ความร่วมมือผู้ที่บ่อนทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของเราเอง...แล้วลูกหลานเราจะอยู่อย่างไร!!!
------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น