"แบมะ ฟาตอนี"
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนใต้
จากการก่อเหตุร้ายรายวันของขบวนการมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในพื้นที่ หลายครอบครัวหอบลูกหลานไปตั้งรกรากพื้นที่อื่นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
แต่ในขณะเดียวกันผู้คนส่วนใหญ่มีความรักความผูกพันกับแผ่นดินถิ่นเกิดที่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษไม่คิดโยกย้ายไปไหน
แต่ได้ปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตให้เข้ากับสถานการณ์
ท่ามกลางเสียงปืนเสียงระเบิด..รอคอยสันติสุขที่จะกลับคืนมาอีกครั้ง
ท่ามกลางความเงียบสงัดเกือบเที่ยงคืนของวันที่
20 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลายครอบครัวต่างพักผ่อนหลับนอน ถนนหนทางรถที่สัญจรผ่านไป-มาแทบไม่มีนานๆ
จะมีสักคัน แต่ครอบครัวของ 2 แม่ลูก นางอารีย์ สมประกอบ และนายธรรมรัตน์ สมประกอบ
ยังคงเปิดร้านขายของชำเพื่อบริการลูกค้าที่นอนดึกบ้านหัวสะพาน ต.ไกรทอง อ.ไม้แก่น
จ.ปัตตานี
ในขณะที่อีก
40 นาทีเที่ยงคืน ได้มีชายฉกรรจ์ 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าร้าน แล้วทำทีจะซื้อบุหรี่
ขณะที่ นางอารีย์ฯ กำลังเดินจะหยิบบุหรี่ หนึ่งในคนร้ายได้กระโดดข้ามกำแพงเข้ามาภายในร้าน
ก่อนชักปืนพกสั้นกระหน่ำยิง 2 แม่ลูก หลายนัดจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนคนร้ายหลบหนีได้กระชากกระเป๋าคาดเอวที่ตัว
นางอารีย์ฯ ไปด้วย ซึ่งในกระเป๋ามีเงินสดร่วม 1 แสนบาท
จากการกระทำที่อุกอาดดังกล่าวของโจรใต้ที่กระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์
โดยเฉพาะการเลือกเป้าหมายต่อกลุ่มไทยพุทธซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย
เป็นการสร้างความหวาดกลัว ความหวาดระแวงต่อกันของผู้คนในพื้นที่ จชต.
อีกทั้งพฤติกรรมของโจรใต้ที่ทำการปล้นทรัพย์และประทุษร้ายต่อชีวิตของประชาชน
สื่อไปถึงกลุ่มขบวนการที่ปล่อยให้ลูกน้องอดยากต้องปล้นเขากิน
ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช้ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น สิ่งที่ยืนยันว่ากลุ่มขบวนการไม่เหลียวแลทอดทิ้งลูกน้อง
คือคำพูดที่หลุดจากปากผู้ที่ละทิ้งอุดมการณ์และความเชื่อผิดๆ
ที่ขบวนการยัดเยียดให้ทำการก่อเหตุ
เลือกทางเดินสายใหม่ด้วยการรายงานตัวแสดงตนเพื่อเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านเป็นจำนวนมากไปก่อนหน้านี้
สมาชิกโจรใต้หลายรายต่างให้ข้อมูลและพูดไปในแนวทางเดียวกันว่าสุดจะทนต่อความยากลำบากที่ได้รับ
ไม่อยากอดมื้อกินมื้อ
คอยหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่หลับนอนในป่าภูเขาแทนการอยู่ร่วมกับครอบครัวที่อบอุ่น
อีกทั้งผู้ที่กระทำผิดมีหมายจับคดีความมั่นคงไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆ
จากขบวนการ บาดเจ็บล้มตายต้องอยู่กันตามยถากรรม
แกนนำสั่งการเสวยสุขอยู่เมืองนอก
มีบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ๋าอยู่อาศัย มีรถหรูขับขี่
แต่บรรดาสมาชิกแนวร่วมซึ่งเป็นมือเป็นเท้าที่แกนนำสั่งใช้งานต้องทนอยู่ในสภาพแร้นแค้นอดมื้อกินมื้อ
ต้องปล้นชาวบ้านกิน...โดยเฉพาะลูกหลานคนยากคนจนแกนนำขบวนการสร้างค่านิยมให้เรียนทางด้านศาสนาสถาบันปอเนาะเอกชน
แต่ลูกหลานตัวเองกลับส่งเสียเรียนต่อเมืองนอกเมืองนา...แล้วบรรดาสมาชิกที่ยังจงรักภักดี
เป็นทาสรับใช้ขบวนการอยู่...ต่อสู้เพื่ออะไร? ลูกเมียอันเป็นที่รักได้อะไร?
จากขบวนการ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์เต็มๆ คือใคร? ไม่ใช่ระดับแกนนำหรอหรือ?
----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น