"กะ กันดา"
การบิดเบือนข้อเท็จจริง
การใส่ร้ายป้ายสี หรือแม้กระทั่งการกุข่าวขึ้นมาเพื่อต้องการผลอย่างใดอย่างหนึ่งต่อการรับรู้ของพี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีมานมนานและกระทำกันเป็นขบวนการ
มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ที่สำคัญมีการส่งต่อให้องค์กรภาคประชาสังคมบางกลุ่มทำการเคลื่อนไหวกดดันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
ซึ่งการกระทำดังกล่าวของกลุ่มผู้ไม่หวังดี
มีผลต่อความรู้สึกของผู้คนที่หลงเชื่อท่ามกลางสถานการณ์ที่อ่อนไหวแย่งชิงมวลชนกันระหว่างรัฐกับกลุ่มเห็นต่าง
จากการปล่อยข่าวลือในร้านน้ำชาพัฒนามาสู่การใช้สื่อโซเชียลบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่และรัฐบาล
แทบไม่น่าเชื่อว่าแค่เพียงเพื่อหวังผลชิงความได้เปรียบในการพูดคุยสันติสุขที่กำลังดำเนินอยู่
ล่าสุดกรณีเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2561 เวลาประมาณ 15.30 นาฬิกา
เจ้าหน้าที่ตำรวจจุดตรวจได้ควบคุมตัว นายอาลี ยิมัน ผู้ต้องสงสัยตามหมายจับ พ.ร.ก.ฯ
ฉุกเฉิน ณ จุดตรวจหน้าวัดบ้านบ่อหิน ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ซึ่งในเวลาต่อมากลุ่มผู้ไม่หวังดีได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุจนทำให้เด็กนักเรียนตกใจตื่นกลัว
ข้อเท็จจริงกับกระแสข่าวที่มีการปล่อยในสื่อสังคมออนไลน์มักจะสวนทางกันเสมอ
ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาเมื่อความจริงปรากฏมีการแถลงข่าวของหน่วยงานภาครัฐชี้แจงข้อเท็จจริง
ผู้บริโภคข่าวสารมักหลงเชื่อตามคำกล่าวอ้างไปแล้ว “พูดก่อนมักได้เปรียบ พูดทีหลังคือแก้ตัว”
ทั้งที่รู้ว่าสื่อที่ทำการปล่อยข่าวหรือกุข่าวขึ้นมานั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ
ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญก่อนจะเชื่อข่าวใดๆ โดยไม่ทราบแหล่งที่มาอีกทั้งคิดก่อนเชื่อ
เช็คก่อนแชร์ ตั้งสติก่อนโซเชียล
ข้อเท็จจริงเหตุเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายอาลี
ยิมัน ผู้ต้องสงสัยตามหมายจับ พ.ร.ก.ฯ ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 25 มกราคมนั้น ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรธารโต
ตั้งด่านที่จุดตรวจ ณ วัดบ้านบ่อหิน (จุดตรวจของ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 443)
ซึ่งสุ่มตรวจกลุ่มยาเสพติด ระหว่างนั้นเห็นรถตู้ขับผ่านมา จึงขอตรวจดูบัตร
พบว่าเป็นนายอาลี ยิมัน ซึ่งตรวจเช็คแล้วมีหมายจับ พ.ร.ก.ฯ ฉุกเฉิน
จึงแสดงตัวเพื่อขอเชิญมาที่สถานีตำรวจภูธรธารโต แต่ขณะนั้นในรถมีเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล
จำนวน 26 คน เพื่อเดินทางกลับบ้าน จึงได้ตกลงกันว่าพาเด็กไปส่งให้ถึงบ้านทุกคนอย่างปลอดภัยก่อน
ซึ่งเด็กที่อยู่ในรถตู้ไม่ได้มีอาการตกใจกลัวหรือร้องไห้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ยังคงเล่นตามปกติตามประสาเด็ก
เมื่อส่งเด็กเสร็จยังไปส่งครูผู้หญิงอีก 1 คน ที่โรงเรียนสุทธิศาสน์ เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัว
นายอาลี ยิมัน มาที่สถานีตำรวจภูธรธารโต เพื่อลงบันทึกเอกสารดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
และได้ประสานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 มาร่วมควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก
นำส่งศูนย์ซักถามเพื่อขยายผลตามกรรมวิธีต่อไป
จากการที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว
นายอาลี ยิมัน ในขณะผ่านจุดตรวจซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ พ.ร.ก.ฯ
ฉุกเฉิน ในฐานะผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าบริเวณ ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2560
การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติไปตามขั้นตอนและอยู่ในกรอบของกฎหมาย
พร้อมทั้งได้ชี้แจงข้อเท็จจริงทำความเข้าใจความจำเป็นที่จะต้องควบคุมตัวนายอาลีฯ
ในครั้งนี้ แต่กลับมีกลุ่มบุคคลและองค์กรภาคประชาสังคมบางกลุ่มอาศัยสถานการณ์ที่เปราะบางใช้เด็กนักเรียนอนุบาลในรถตู้เป็นเครื่องมือ
ต้องการสื่อให้เห็นภาพความรุนแรงในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต่อหน้าเด็กๆ การนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ไม่สมบูรณ์ครบถ้วนและรอบด้าน
อีกทั้งความมีอคติอย่างรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่รัฐของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อมุ่งสร้างความเข้าใจผิด
หวังผลเพื่อนำไปสู่ความขัดแย้งทางความรู้สึกของพี่น้องประชาชน สุ่มเสี่ยงให้มีการฉวยโอกาสนำไปจุดประเด็นสร้างความแตกแยกในสังคม
การบิดเบือนความจริงของกลุ่มผู้ไม่หวังดีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นสันดาน
การสร้างกระแสเพื่อหวังผลความรู้สึกร่วมของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งกับการที่เราไม่รู้เท่าทัน
ซึ่งจะตกเป็นเครื่องมือช่วยกระพือข่าวลือจากปากสู่ปากเหมือนไฟลามทุ่ง
จนนำไปสู่การเข้าใจผิดจนยากที่จะแก้ไข ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนบริโภคข้อมูลข่าวสารด้วยความระมัดระวัง
คิดก่อนเชื่อ เช็คก่อนแชร์ ตั้งสติก่อนโซเชียล และหากมีข้อสงสัยให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อนจากหน่วยทหารหรือหน่วยงานรัฐในพื้นที่
มิเช่นนั้นจะเป็นดั่งเช่นเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา..
----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น