‘อิมรอน’
ความน่าละอายของนักศึกษาปาตานี
กลุ่ม PerMAS กับการแสดงออกที่ไร้จุดยืน สองมาตรฐาน ไม่มีแม้สมองคิดแยกแยะได้ถูกระหว่างความดี
กับความชั่ว
เมื่อวันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 กลุ่ม
“PERMAS” ร่อนแถลงการณ์ครบรอบ 1 ปี
เหตุฆ่าสามพี่น้อง ‘มะมัน’ ในสื่อทุกแขนง
ซึ่งแถลงการณ์สหพันธ์นิสิตนักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานี (PerMAS) ดังกล่าวเป็นแถลงการณ์เรื่อง :
การละเมิดหลักมนุษยธรรมสากลในพื้นที่สงคราม อีกทั้งได้ประกาศให้วันที่ 3
กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันมนุษยธรรมปาตานี” และในการนี้ทาง PerMAS เสนอข้อเรียกร้องเพื่อนำมาซึ่งสันติภาพปาตานี
จำนวน 4 ข้อด้วยกัน
เนื้อหาหลักๆเรียกร้องให้คู่สงครามทำสงครามภายใต้กฎกติกาสากลและคำนึงถึงหลักกฎหมายมนุษยธรรมสากล
(International
Humanitarian Law), ขอให้ยกระดับกระบวนการตรวจสอบโดยการมีส่วนร่วมของกลไกระหว่างประเทศ, ขอให้ประชาชนภาคประชาสังคมทั้งในและระหว่างประเทศร่วมกันผลักดันให้กระบวนการสร้างสันติภาพที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
การเรียกร้องในการกำหนดชะตากรรมตนเอง และข้อสุดท้ายเรียกร้องให้สื่อทุกประเภทให้ความสำคัญกับการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านแก่สังคมสาธารณะ
ในส่วนของนักศึกษาในรั้ว
มอ.ปัตตานี ซึ่งเป็นร่มเงาของ PerMAS ประมาณ 100 กว่าคนได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมรณรงค์ “ปกป้องคุ้มครองพลเรือน” ณ ลานแสงจันทร์ ฝั่งสำนักวิทยบริการ จอนร์ เอฟเคเนดี้ มอ.ปัตตานี
นักศึกษากลุ่มนี้เคลื่อนไหวเพื่อต้องการสื่อให้สังคมสาธารณะได้ตระหนักถึงความสำคัญคุณค่าของชีวิต
ตระหนักถึงสิทธิของพลเรือนที่ต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองจากปฏิบัติการทางการทหาร
โดยผ่านรูปแบบกิจกรรม การแปรอักษรสื่อสารเจตนารมณ์การจัดกิจกรรม โดยใช้ “ร่ม” เป็นสัญลักษณ์การปกป้องพลเรือน ชูป้ายผ้า แจกเอกสารเกี่ยวกับสิทธิพลเรือนในพื้นที่สงคราม
อ่านแถลงการณ์
การเขียนโน้ตสื่อสารโดยการมีส่วนร่วมของนักศึกษาทั่วไปที่เดินผ่านไปมา และประกาศให้วันที่
3 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวัน“มนุษยธรรมปาตานี”
ภาพที่ออกมาช่างน่าใจหาย
สลดหดหู่กับแนวความคิดต่ำๆ และสวนทางกับคำว่าปัญญาชนของนักศึกษาที่เรียกขานกลุ่มตนเองว่า
PerMAS
สงสารพ่อแม่ที่ต้องตรากตรำทำงานหนักหาเงินส่งเสียให้ลูกได้เรียน
และบางรายหาไม่ทันต้องขายนา ขายสวนสุดท้ายส่งให้ควายเรียน..
เหตุการณ์ที่ผ่านมามีผู้บริสุทธิ์จำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงถูกฆ่าตายรายวัน
เคยมีสักครั้งให้ชื่นใจมั๊ย!! ที่นักศึกษาปัญญากลวงเหล่านี้พร้อมใจกันออกมาแสดงจุดยืน
แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถือ(ร่ม) แล้วประกาศสิทธิของพลเรือนปาตานี ประณามความสุดโต่งของผู้ก่อเหตุรุนแรงเหมือนในครั้งนี้
มันคงเป็นไปได้เพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลังทำการเชิดหุ่นนักศึกษาเหล่านี้ ต้องบังคับวิถีตามที่ตนเองต้องการ
ซึ่งบทมีการเขียนเอาไว้ล่วงหน้า
จากการตกลงราคาค่าเหนื่อยจากนายทุนและผู้สนับสนุนในการแสดง
พฤติกรรมของกลุ่มนักศึกษา
PerMAS
มันช่างน่าสะอิดสะเอือนการเคลื่อนไหวในแต่ละครั้งส่อถึงความไม่มีจุดยืน
ไร้ทิศทางไม่มีคำว่ามาตรฐาน แฝงความต่างสุดขั้ว ขัดแย้งในความรู้สึกด้านอารมณ์อย่างรุนแรง
บ่งบอกถึงการเสแสร้งแกล้งทำที่ไม่ได้ออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง ขัดหูขัดตาไม่เป็นธรรมชาติ
หรือผู้เขียนจะมีอคติต่อกลุ่มนักศึกษา PerMAS ก็ไม่รู้เลยมองว่าการกระทำดังกล่าวติดลบท่านผู้อ่านลองช่วยกันตัดสินให้หน่อย
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผ่านๆ
มา กรณี ผกร. ลอบทำร้ายชาวไทยพุทธ-มุสลิม เด็กนักเรียน ครู พระและเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร กลุ่มองค์กรนักศึกษาอุปโหลกกลุ่มนี้ได้แสดงศักยภาพด้วยการหดหัวอยู่ในกระดองเต่า
ไม่เคยโผล่หัวออกมาเคลื่อนไหวเช่นนี้บ้าง แต่กรณีคดีครอบครัว “มะมัน” ทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าสาเหตุได้เกิดมาจากความเคียดแค้นส่วนตัวของผู้ลงมือทำการก่อเหตุ
กลุ่มนักศึกษากลุ่มนี้ก็ยังพยายามโยงให้เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้เสียหาย และชี้ให้เห็นว่าเป็นคดีความมั่นคงจุดประสงค์หลักก็เพียงเพราะผู้ต้องหาเป็นอดีต
อส.ทหารพราน
อย่าลืมว่ากระบวนการขั้นตอนของศาลยังไม่สิ้นสุด กับท่าทีที่พวกคุณออกมาดิ้นเด่วๆ
เหมือนกับปลาดุกโดนทุบหัว ไม่ใช่เป็นการกดดันการทำงานของศาลหรอกหรือ
การตัดสินของศาลก็ว่าไปตามพยานหลักฐาน เหตุผลที่ศาลยกฟ้อง คือ “ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่าบุคคลทั้งสองเป็นคนฆ่า
มีเพียงคำรับสารภาพของจำเลยเท่านั้น ส่วนภรรยาของผู้เสียหาย คือ น.ส.พาดีละ แมยู
ก็ไม่สามารถจดจำใบหน้าของผู้ก่อเหตุได้”
การเรียกร้องที่ไร้เหตุผล
ของกลุ่มนักศึกษา PerMAS
ในทุกวันนี้มันสวนทางกับความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ คดีที่โจรใต้ควายตอนี
RKK ทำร้ายฆ่าผู้คน ทำลายสถานที่ทรัพย์สินของทางราชการ ส่งผลให้มีคนแล้วคนเล่าต้องสังเวยชีวิตต้องดับดิ้นไป
พวกมึงกลับทำเฉยเมยธุระไม่ใช่เพราะเรียกร้องไปไม่ได้รับผลประโยชน์ต่อกลุ่ม แถมยังสนับสนุนให้โจรใต้กระทำความชั่วเข่นฆ่าผู้คนอย่างต่อเนื่องแม้กระทั่งผู้ที่นับถือศาสนาเดียวกัน
ไม่เคยออกมาเรียกร้องให้พวกเดียวกันหยุดการกระทำความชั่วเลย หรือเป็นเพราะความสุดโต่ง
การนิยมความรุนแรงมันได้เจริญงอกงามอยู่ในสมองอันน้อยนิดของกลุ่มนักศึกษา PerMAS
เหล่านี้ มันจึงช่างยากเย็นแสนเข็ญที่จะขุดรากถอนโคนได้เพราะลงรากแก้วฝังลึกแล้ว
เยาวชนถือได้ว่าเป็นกำลังหลักของชาติในอนาคต
แต่นักเรียนโข่งเหล่านี้กลับเดินตามก้นนายสุไฮมี ดูละสะ ประธาน PerMAS โดนชี้นำในสิ่งที่ผิดๆ สนับสนุนโจรใต้ควายตอนี โดยถือเอาที่ตั้งแห่งตน
ใช้ความเป็นนักศึกษาปัญญาชน เป็นกระบอกเสียงแทนนักศึกษาส่วนใหญ่ในปาตานี แต่ไม่เคยสำนึกว่าความรู้สึกของผู้ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในครอบครัวไปจากการกระทำของแนวร่วมที่พวกคุณสนับสนุนอยู่นั้นว่ามันเจ็บปวดสักเพียงไหน
กลับมาสนองตอบตัณหาความยากของกลุ่มขบวนการ BRN
ลองถามความรู้สึกผู้ที่ต้องสูญเสียพ่อแม่
ลูกเล็กเด็กแดงหรือญาติที่ใกล้ชิด บุคคลในครอบครัวไป เป็นเพราะพวกเค้าผิดอะไรหรือ?
เป็นเพราะเค้าแค่เป็นต่างศาสนาหรือ? นับถือศาสนาต่างกันใช่หรือไม่
และใช้ภาษาพูดต่างกันแค่นั้นหรือ? พวกนักศึกษาอย่างท่านๆ จึงสิ้นคิด หากินบนความตายของผู้คน
ไร้ความเป็นพลเมืองที่ดี ได้แต่แอบอ้างตัวเองเป็นตัวแทนนักศึกษาปาตานี หยิบยกเอาประวัติศาสตร์
และศาสนามาบังหน้า
การไม่สำนึกรักษ์แผ่นดินเกิด
ไม่อยากเห็นความสงบสุข กลับสร้างความปั่นป่วนด้วยการยุยงส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกกันภายในชาติ
สนับสนุนให้กลุ่มขบวนการเดินหน้าแบ่งแยกดินแดนปาตานี
แท้จริงแล้ววันที่
3 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น "วันทหารผ่านศึก"เป็นวันที่คนไทยทุกคนควรที่จะให้ความสำคัญ และมีจิตสำนึกยกย่องเกียรติทหารหาญของชาติที่ได้เสียสละชีวิตเลือดเนื้อในการปกปักรักษาป้องกันประเทศนี้ไว้ด้วยชีวิต
แผ่นดินไทยสงบสุขและเป็นไทมาจนถึงทุกวันนี้ มิใช่เป็นเพราะทหารหาญเหล่านี้หรอกหรือ?
ในการเป็นรั้วของชาติป้องกันการรุกรานจากอริราชศรัตรูให้พ้นภัย
แต่นักศึกษาปัญญานิ่ม
PerMAS
กลับประกาศให้วันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวัน “มนุษยธรรมปาตานี”ประกาศเป็นวันเชิงสัญลักษณ์เนื่องจากการเสียชีวิตของเด็กน้อยสามศพครอบครัว
“มะมัน” บุตรชายนายเจ๊ะมุ ซึ่งได้เกิดจากปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว
ช่างน่าสรรเสริญแนวความคิดของนักศึกษาปัญญาควายจริงๆ ไม่เคารพดวงวิญญาณบรรพชนผู้กล้าที่ปกปักรักษาชาติไว้ให้กับพวกเราแล้ว
กลับนำวันทหารผ่านศึกมาเป็นวันเชิงสัญลักษณ์เสียนี่!!!..ช่างน่าอับอายสิ้นดี..
เพราะฉะนั้นกับการที่ PerMAS ประกาศให้วันที่ 3 กุมภาพันธ์เป็น“วันมนุษยธรรมปาตานี” จึงเป็นสิ่งที่น่าสมเพช หรือยกย่องดีในฐานะประชาชนชาวไทยคนหนึ่ง...
--------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น