2/07/2558

ทำไม?..แนวร่วมโจรใต้แขวนป้ายผ้าข้อความภาษาอังกฤษ

อิมรอน

เช้าของวันพฤหัสบดีที่ 5 ก.พ. ผู้เขียนยังไม่ทันได้ตื่นนอนลุกจากเตียง มีเสียงไลน์ดังขึ้นถี่ๆ รบกวนให้จำใจต้องตื่น คิดในใจสงสัยจะเกิดเหตุร้ายขึ้นแต่เช้ามืดเลยรีบแหกขี้ตาดูข้อความ กลับพบภาพและข้อความข่าวจากการโพสต์เจ้าหน้าที่ตรวจพบการก่อกวนเชิงสัญลักษณ์ด้วยการแขวนป้ายผ้า ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้รวมทั้งสิ้น 19 จุด

ในแต่ละจังหวัดโดนกันถ้วนหน้าไม่ยอมน้อยหน้าซึ่งกันและกัน ซึ่งการปฏิบัติการก่อกวนดังกล่าวของแนวร่วมโจรใต้ฟาตอนีแน่นอนย่อมมีการวางแผนมาอย่างดิบดีเพื่อหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่งในเชิงจิตสังคมวิทยา


สรุปตามข่าวมีการแขวนป้ายผ้าของกลุ่ม ผกร. ในลักษณะการก่อกวนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งสิ้น 11 อำเภอ 19 จุดด้วยกัน โดยพื้นที่จังหวัดยะลามีแขวนป้ายผ้า จำนวน 4 อำเภอ 9 จุด, นราธิวาส จำนวน 2 อำเภอ 4 จุด และจังหวัดปัตตานีมีเหตุก่อกวน จำนวน 5 อำเภอ 6 จุด

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการใช้ป้ายผ้าสีขาวทั้งหมดซึ่งมีขนาด 1 เมตร x 2 เมตร เขียนด้วยข้อความภาษาอังกฤษ “People are in suffering because of losing human rights due to siamese colonization” แปลข้อความเป็นไทยว่า ประชาชนต้องมีความเจ็บปวดเพราะการสูญเสียสิทธิมนุษยชนจากการครอบงำของอาณานิคมสยาม

โดยในพื้นที่จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส จะมีการเขียนข้อความด้วย สีแดง ส่วนในจังหวัดปัตตานีจะมีการเขียนข้อความด้วย สีแดง และ สีดำ ลักษณะการติดตั้ง มีการใช้เชือกฟางซึ่งสามารถนำไปผูกติดตามสถานที่ต่างๆ ที่ประชาชนสัญจรผ่านไป-มา สามารถมองเห็นได้ได้โดยง่ายและชัดเจน อีกทั้งยังพบว่าในบริเวณพื้นที่แขวนป้ายผ้าในแต่ละจุด จะไม่มีการติดตั้งกล้อง CCTV

จากการปฏิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่รัฐในห้วงที่ผ่านมาได้สร้างความสูญเสียให้กับกลุ่มขบวนการหลายราย และในส่วนที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุรุนแรง ผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อนำตัวมาทำการซักถามขยายผล ได้รับรู้ข้อมูลเชิงลึก และสามารถเชื่อมโยงไปยังสมาชิกรายอื่นๆ ที่เคยลงมือก่อเหตุ เป็นการสลายโครงสร้างการจัดตั้งสมาชิกแนวร่วมไปได้บางส่วน ส่งผลให้สถานภาพและขีดความสามารถของกลุ่มขบวนการในปัจจุบันลดน้อยถอยลง และเสียมวลชนในการสนับสนุนไปเป็นจำนวนมาก


ผู้ก่อเหตุรุนแรงจำเป็นต้องลงมือทำการก่อเหตุ เพื่อแสดงศักยภาพของขบวนการ รวมถึงเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่มวลสมาชิกแนวร่วมให้มีความฮึกเหิม ซึ่งจากการสูญเสียของ ผกร. หลายรายในห้วงที่ผ่านมา  และจากความได้เปรียบจากนโยบายในการมีส่วนร่วมของกำลังภาคประชาชน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกขึ้นเนื่องจากมีมวลชนสนับสนุน สามารถแก้ปัญหาร่วมกับทุกภาคส่วนนำมาซึ่งความร่วมมือในด้านต่างๆ ดีขึ้นตามลำดับ จากการเพลี่ยงพล้ำเสียมวลชนของ ผกร. ไปจำนวนไม่น้อย ในระยะนี้ ผกร. จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการก่อกวนเชิงสัญลักษณ์ หรือการปฏิบัติต่อเป้าหมายอ่อนแอมากกว่าการปฏิบัติทางทหาร เนื่องจากสามารถปฏิบัติได้โดยง่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ป้องกันได้ยากมาก

การขับเคลื่อนภาคประชาสังคมซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในห้วงที่ผ่านมาพบว่า มีการขับเคลื่อนในหลากหลายรูปแบบ เช่นการใช้เว็บเพจเผยแพร่บทความเพื่อลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล หรือเผยแพร่ความสำเร็จของ ผกร. ในการต่อสู้ รวมถึงการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของชาวปาตานีรวมถึงกระบวนการยุติธรรมต่อชาวมลายู เช่นกรณีศาลพิพากษายกฟ้องคดีคนร้ายยิงบุตรชาย 3 คน ของนายเจ๊ะมุ  มะมัน เสียชีวิต ซึ่งการก่อกวนด้วยการแขวนป้ายผ้าที่เกิดขึ้น อาจเนื่องมาจากมีความต้องการให้สอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนภาคประชาสังคมของกลุ่มขบวนการในห้วงปัจจุบัน

การก่อกวนเชิงสัญลักษณ์ดังกล่าวของ ผกร. หากพิจารณาให้ถ้วนถี่และวิเคราะห์จากข้อมูลรอบด้านพบว่าน่าจะเป็นการกระทำของเยาวชนแนวร่วมรุ่นใหม่ เพื่อทำการทดสอบกำลังใจ โดยเฉพาะการก่อกวนเชิงสัญลักษณ์ รวมถึงการปฏิบัติต่อเป้าหมายอ่อนแอและกำลังภาคประชาชน เพื่อสื่อให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนปาตานี ตลอดจนประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนตามแนวทางการต่อสู้ด้านการเมืองของกลุ่มขบวนการ

ความน่าจะเป็นในการปฏิบัติของกลุ่ม ผกร. ยังคงมีการปฏิบัติลักษณะดังกล่าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างความฮึกเหิม สร้างขวัญกำลังใจอีกทั้งมีความเป็นไปได้ในการพัฒนารูปแบบการก่อเหตุไปสู่ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ด้วย เป็นการลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยต่อเวทีการพูดคุยดังกล่าว

การแขวนป้ายผ้าเขียนด้วยข้อความภาษาอังกฤษ “People are in suffering because of losing human rights due to siamese colonization” ของกลุ่ม ผกร. บางคนอาจจะไม่ทันสังเกตหรือรู้สึกรู้สาอะไร หรืออาจจะเป็นความชินชาที่มีการแขวนป้ายผ้าอยู่บ่อยครั้ง แต่สำหรับผู้เขียนแล้วกลับมองว่าการแขวนป้ายผ้าข้อความภาษาอังกฤษทั่ว 3 จชต. เมื่อ 5 ก.พ.58 นั้นไม่ปกติ ต้องมีนัยอะไรบางอย่างแอบแฝงซ่อนเร้นอย่างแน่นอน

การแขวนป้ายผ้าข้อความแทบทุกครั้งที่ผ่านมาจะเป็นภาษามาเลย์ ภาษามลายูถิ่น และภาษาไทยบ้างประปราย แต่ในครั้งนี้กลับเป็นข้อความภาษาอังกฤษ หรือโจรใต้ฟาตอนีอินเทรนต้อนรับการเข้าสู่เขตเศรษฐกิจประชาคมอาเซียนในปีนี้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้

การตั้งข้อสังเกตของผู้เขียนต่อการแขวนป้ายผ้าข้อความภาษาอังกฤษมันมีเหตุและผล น่าจะเกิดจากการวางแผนอันแยบยลของโจรใต้หัวใส ฉลาดแกมโกง ซึ่งสมมติฐานดังกล่าวก็ได้รับการเฉลยเมื่อผู้เขียนได้ไปค้นหาข่าวกลับพบว่าว่าในระหว่างวันที่ 3 - 5 ก.พ.58 นางเจนิเฟอร์ ฟอนลอน เจ้าหน้าที่จากแผนกการเมืองของสถานทูต สหรัฐ และคณะฯ ซึ่งรับผิดชอบการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ จชต. ของไทยมีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่


เมื่อ 3 ก.พ.58 นางเจนิเฟอร์ ฟอนลอน เจ้าหน้าที่จากแผนกการเมืองของสถานทูต สหรัฐ และคณะฯ พบปะกับตัวแทนองค์กรภาคประชาสังคม อาทิ ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี และนายรอมฎอน ปันจอร์ จากกลุ่ม Deep South Watch ที่อาคารเรือนรับรอง ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ มอ.ปัตตานี

เมื่อ 4 ก.พ.58 คณะนางเจนิเฟอร์ฯ ได้เข้าพบนายปิยะ กิจถาวร รองเลขาธิการ ศอ.บต. โดยมีนางจันทร์เจ้า จันทร์ศิริ เจ้าหน้าที่แผนกการเมืองฯ สหรัฐ สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยเป็นตัวแทนพาเข้าพบ รองเลขาธิการ ศอ.บต. ซึ่งสอดคล้องกับการแขวนป้ายผ้าข้อความที่เป็นภาษาอังกฤษของแนวร่วมโจรใต้ที่ต้องการสื่อไปยังต่างประเทศ

ความพยายามในการชี้นำองค์กรสิทธิมนุษยชนจากต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ห้วงปลาย ม.ค.58 จนถึงปัจจุบัน มีองค์กรภาคประชาสังคมในอาเซียน รวมถึงเจ้าหน้าที่จากสถานทูตของ สหรัฐ ลงพื้นที่สำรวจสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนและให้ความร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคม องค์กรสื่อที่เคลื่อนไหวในประเด็นสิทธิมนุษยชน ซึ่งหากพิจารณาถึงข้อความในป้ายผ้าที่ใช้ข้อความเป็นภาษาอังกฤษ พิจารณาได้ว่ากลุ่มขบวนการมีความตั้งใจที่ต้องการสื่อเพื่อให้ข้อความดังกล่าวเผยแพร่เรื่องราวเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปสู่ประชาคมโลก อาจมุ่งหวังทั้งในแง่การสนับสนุนงบประมาณรวมถึงแสวงประโยชน์สนับสนุนตามแนวทางในการต่อสู้

รัฐบาลไทยส่งเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติภารกิจเพื่อแก้ไขปัญหาไฟใต้ภายใต้ความขัดแย้งทางความคิด การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทุกคนจะต้องปฏิบัติอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายเหมือนกับชาวไทยทุกคน อีกทั้งไม่ได้มีการครอบงำพี่น้องประชาชนมลายูปาตานีใดๆ เลย เพราะที่นี่คือผืนแผ่นดินไทยเป็นของพวกเราปวงชนชาวไทย ทุกคนที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทยมีสิทธิเท่าเทียมกันตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไม่มีใครกลืนกินวัฒนธรรมใคร เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความหลากหลายของพหุสังคม ความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ เลย ทุกคนต่างยอมรับในวิถีชีวิตความต่างทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ที่สำคัญคือประชาชนชาวไทยทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา

โจรใต้ฟาตอนีเคยถามใจพี่น้องประชาชนปาตานีเจ้าของพื้นที่ตัวจริงดูหรือยัง...ว่าใคร? กันแน่ที่ทำลายวัฒนธรรม ทำลายการอยู่ร่วมกันทางพหุสังคม ครอบงำทางความคิดของพี่น้องมลายูปาตานีมาโดยตลอด สร้างความแตกแยกในชุมชน ทำลายศาสนาของตัวเองด้วยการฆ่าผู้บริสุทธิ์, ฆ่าผู้หญิง, ฆ่าเด็ก แล้วมีการบิดเบือนกุขึ้นมาหลอกผู้คน...ว่าได้บุญ ไม่เป็นบาป ซึ่งไม่มีแน่นอนในหลักคำสอนของทุกศาสนา ประชาชนปาตานีไม่เห็นด้วย ไม่คล้อยตามกับแนวความคิดสุดขั้ว ชั่วสุดโต่งของกลุ่มขบวนการต่อไปอีกแล้ว....
----------------------------



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น