‘แบดิง โกตาบารู’
ไม่น่าเชื่อว่าจากเหตุการณ์เมื่อวันที่
13 มี.ค.59 กรณีคนร้ายแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่บุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง
มัดมือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสาวกำลังท้อง แล้วยิงถล่มฐานปฏิบัติการทหารพราน
ซึ่งในวันดังกล่าวมีการก่อเหตุเกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ในเวลาไล่เลี่ยกัน
จากพฤติกรรมดังกล่าวในการใช้สถานพยาบาลเป็นฐานที่มั่นในการโจมตี
ในเวลาต่อมามีองค์กร และประชาชนต่างไม่เห็นด้วยต่อเรื่องที่เกิดขึ้น
ซึ่งได้สร้างผลเชิงลบต่อกลุ่มขบวนการอย่างกว้างขวาง
และในเชิงลึกการกระทำดังกล่าวไม่ได้ส่งผลดีต่อกลุ่มโจรใต้เลย
ทำให้เสียมวลชนเป็นจำนวนมาก
นั่นคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
แต่ในขณะที่ประชาชนและองค์กรภาคประชาสังคมได้ออกมาเคลื่อนไหว
ในเครือข่ายสังคมออนไลน์กลับมีการบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีกล่าวหานำภาพของคนร้ายและผ้าพันคอมาทำการขยายผลเพื่อชี้นำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่
นักวิชาการสายโจรอย่างเช่น
ดร.ตายูดิน อุสมาน ประธานหลักสูตรสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏยะลา
ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีเหตุคนร้ายใช้โรงพยาบาลเจาะไอร้องเป็นฐานที่มั่นเพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารที่ตั้งฐานปฏิบัติการติดโรงพยาบาล
แนะ รัฐ สร้างฐานปฏิบัติการไกลสถานที่เป้าหมายอ่อนแอ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน วัด
ตามด้วยองค์กรภาคประชาสังคมเถื่อนถ่อย
นายอาซิส ตาเดอิน ที่ปรึกษาอาวุโส สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย
ได้ออกมาผสมโรงเรียกร้องให้รัฐทบทวนพิจารณาการกำหนดพื้นที่ที่ตั้งฐานของหน่วยกำลัง
อีกทั้งเป็นเจ้าของวาทกรรม “NGOs กลัวโจร แต่ด่ารัฐกล้า”
ซึ่งได้เป็นไปตามคาดหมาย
เพราะสันดานของกลุ่มโจรใต้ฟาตอนีตั้งแต่ได้เกิดเหตุการณ์ไฟใต้ลุกลามมาสิบกว่าปี
กลุ่มหน้าตัวเมียกลุ่มนี้ไม่เคยออกมายอมรับสักครั้งเดียวว่ากลุ่มของตนได้ทำการก่อเหตุ
นอกจากเกิดการปะทะจนเสียชีวิตเหมือนสุนัขนั่นแหละ
แต่ยังปากดีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ
นั่นคือธาตุแท้ของกลุ่มโจรใต้นุ่งโสร่ง ที่แฝงตัวอยู่ในมุมมืด คอยหาจังหวะทีเผลอลอบกัดเหมือนสัตว์บางชนิด
นอกจากเรื่องผ้าพันคอที่โจรใต้ใช้ปิดบังอำพรางใบหน้าแล้วยังมีความพยายามสื่อในเรื่องของกระสุนที่คนร้ายได้ใช้เป็นจำนวนมากจากการยิงจากปืนกลเบา
เอ็ม 60 ว่ากลุ่มโจรใต้ไม่เคยได้ปล้นจากกองทัพ เงินสามารถจัดซื้อหาได้สำหรับ อาวุธปืนกลเบา
เอ็ม 60 หากหาไม่ได้ลองดูเหตุระเบิดที่ระเบิดอยู่ตูมๆ อยู่ทุกวันนี้
เป็นเพราะกลุ่มขบวนการโจรใต้สามารถจัดหาอุปกรณ์ประกอบระเบิด แล้วมาทำการก่อเหตุ
นายทวีศักดิ์
ปิ
ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุมีเดียสลาตันท่านนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเจ้าหน้าที่รัฐมาโดยตลอด
ส่วนการทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าว มีความเอนเอียงมุ่งบิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่สมกับการทำหน้าที่สื่อมวลชนซึ่งขาดข้อมูลรอบด้าน
มุ่งชี้นำให้ประชาชนเกิดการเข้าใจผิด เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มขบวนการเป็นหลัก
นายทวีศักดิ์
ปิ ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน ลองค้นหาข้อมูลข่าวเก่าๆ
ย้อนหลังที่กลุ่มขบวนการโจรใต้ได้สร้างผลงานที่คุณทวีศักดิ์ ภาคภูมิใจเอาไว้ อาวุธปืนกลเบา
เอ็ม 60 ที่คุณทวีศักดิ์ทำการเผยแพร่ข้อความไว้ว่า
กลุ่มโจรใต้ไม่เคยได้ปล้นจากกองทัพ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547
ได้ปล้นไปจากกองพันพัฒนาที่ 4 จำนวน 2 กระบอก และเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551 กลุ่มขบวนการโจรใต้
ยังได้กระทำความป่าเถื่อนด้วยการลอบระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 8 นาย
ในพื้นที่ บ.รือเปาะ ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส 1 ใน 8
ผู้เสียชีวิตถูกคนร้ายตัดศีรษะไปด้วย อีกทั้งได้ปล้นเอาอาวุธประจำกาย เอ็ม.16
จำนวน 8 กระบอก รวมทั้ง อาวุธปืนกล เอ็ม.60 จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้น ขนาด
11 มม. ของ ร.ต.อานนท์ บุญธรรม หัวหน้าชุดไปด้วย รวมทั้งสิ้นอาวุธปืนที่กลุ่ม
ผกร.ได้ไป จำนวน 10 กระบอก
จากรูปแบบการปฏิบัติการของกลุ่ม
ผกร.ที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีว่าจะมีการแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ เพื่อการปิดบังอำพรางตัวในการเคลื่อนไหว
แต่เบื้องลึกต้องการหวังผลให้เกิดความเข้าใจผิด ว่าเหตุที่เกิดเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ
ตัวอย่างเหตุการณ์กลุ่มขบวนการโจรใต้แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่
เมื่อเวลา 01.15
น. ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2556 คนร้ายประมาณ 50 คน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร
(ชุดลายพราง, ชุดดำ) สวมเสื้อเกราะ มีผ้าพันคอสีขาว โจมตีฐานปฏิบัติการ
ร้อยปืนเล็กที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 32 อ.บาเจาะ
จ.นราธิวาส ทำให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร
ในครั้งนั้นกลุ่มโจรใต้ถูกวิสามัญเสียชีวิต 16 ศพ โดยหนึ่งในคนร้าย คือนายมะรอโซ จันทรวดี แกนนำคนสำคัญที่สุดในพื้นที่นราธิวาส
ซึ่งมีส่วนร่วมในคดีสังหารครูชลธี เจริญชล
อีกเหตุการณ์หนึ่งเมื่อเวลา
18.50 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2555 กลุ่มขบวนการโจรใต้แต่งกายเลียนแบบตำรวจบุกถล่มฐานทหารที่รือเสาะ
ในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย ชาวบ้านเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ
2 คน และกลุ่มขบวนการโจรใต้ตาย 2 ศพ...
ซึ่งจากการที่กลุ่มสื่อแนวร่วมผู้ที่ไม่หวังดีนำเรื่องผ้าพันคอมาทำการเคลื่อนไหวเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของฝ่ายตนเป็นการวางแผนอันแยบยลมาก่อนแล้วล่วงหน้า
นอกจากนี้เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ในการปลอมผ้าพันคอให้เหมือนกับหน่วยทหารหน่วยใดหน่วยหนึ่ง
เพื่อทำการหวังผลแล้วโยนความชั่วร้าย ด้วยการจุดกระแสและชี้นำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด
นี่คือผลงานของกลุ่มขบวนการอุบาทที่ไม่เคยยอมรับความจริงว่ากลุ่มขบวนการเป็นผู้ก่อเหตุ.
---------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น