‘แบมะ ฟาตอนี’
ผลตรวจปลอกกระสุนปืนที่กลุ่มคนร้ายบุก รพ.เจาะไอร้องแล้วทำการกราดยิงทหารพรานได้รับบาดเจ็บ
7 นาย รวมทั้งทำการก่อเหตุอีก 2 จุด ใน อ.เจาะไอร้อง พบความเชื่อมโยงคดีสำคัญ หลายคดีชี้ชัดเป็นการกระทำของกลุ่ม
ผกร. ถามหาความรับผิดชอบของกลุ่มผู้ไม่หวังดีในการปล่อยข่าวลือกล่าวหาว่ารัฐจัดฉากทำการก่อเหตุเรียกงบ
จากรูปแบบยุทธวิธีในการก่อเหตุของกลุ่มคนร้าย
หากมองด้วยใจที่เป็นธรรมไม่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง
ทุกคนย่อมรู้ดีว่าการกระทำดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่ม ผกร.
แต่กลับมีกลุ่มบุคคลผู้ที่ ไม่หวังดีต่อรัฐต่อประเทศชาติจ้องทำลายและลดความน่าเชื่อถือกล่าวหาด้วยใจที่เอนเอียง
แต่ความเคลื่อนไหวในฝากฝั่งกลุ่มขบวนการกลับออกมายอมรับความจริงซึ่งขัดแย้งกับ นักเคลื่อนไหวในพื้นที่ที่พยายามโยนความผิด
ล่าสุด นายกามาลุดดีน ฮานาฟี แกนนำกลุ่ม BIPP
ในฐานะสมาชิก MARA PATANI อ้างถึงกรณีคนร้ายใช้โรงพยาบาลเพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 มีนาคม
2559 โดยยอมรับว่า “การกระทำดังกล่าวขัดต่อหลักศาสนาอิสลามแม้จะมีเป้าหมายการต่อสู้ที่ดีก็ตาม”
การโจมตีค่ายทหารของศัตรู
ถือเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามแนวทางอิสลาม
แต่การเริ่มต้นด้วยการใช้โรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานที่สาธารณะไม่เพียงผิดหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ แต่ยังผิดหลักการสู้รบของศาสนาอิสลามด้วย
ในขณะเดียวกัน แม้เรามีความพยายามอย่างยิ่งเพื่อได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ
แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้ยิ่งห่างไกลการสนับสนุนดังกล่าว
ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่นักต่อสู้ปาตานี ทุกกลุ่มต้องหันมาทบทวนการต่อสู้ของตัวเอง
เพื่อความถูกต้องตามแนวทางอิสลาม
ในขณะเดียวกันหลักฐานที่ยืนยันชัดเจนจากผลการตรวจปลอกกระสุนของ
ศพฐ.10 ซึ่งเป็นหน่วยงานพิสูจน์หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นในเบื้องต้นจากการตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนกว่า
1,825 ปลอก ที่คนร้ายเกือบ
40 คน บุกโรงพยาบาลเจาะไอร้องใช้อาวุธปืนสงคราม 8 ชนิดด้วยกันทำการกราดยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน
อีกทั้งพบความเชื่อมโยงคดีสำคัญตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบันถึง 25 คดี หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญและเป็นคดีสำคัญ
เมื่อ 29 ธันวาคม 2558 เวลา 11.10 น.กลุ่มคนร้ายประมาณ 10 คน
ได้เดินเท้ามาจากภูเขาด้านหลัง อบต.ร่มไทร
อ.สุคิริน จ.นราธิวาส จับตัวนายบุญเลิศ
จินดาธนะนันท์ ปลัด อบต.ร่มไทร มัดมือไขว้หลังแล้วจ่อยิงอย่างโหดเหี้ยมเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
อาวุธปืนที่คนร้ายแบกลงจากเทือกเขาตะเวบุกโรงพยาบาลเจาะไอร้องเพื่อทำการก่อเหตุในครั้งนี้ประกอบไปด้วย
อาวุธปืน เอ็ม.16 เอชเค.33 MINIMI เอเค.102 เอเค.47 ปืนกลเบา เอ็ม.60 UZI ขนาด 9 มม.และ ขนาด 40 มม.
โดยเฉพาะประเด็น
อาวุธปืนกลเบา M.60
หลังเกิดเหตุถึงกับมีกลุ่มบุคคลซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสื่อมวลชนที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงให้สังคมได้รับรู้อย่าง
นายทวีศักดิ์ ปิ บรรณาธิการสำนักข่าว Wartani และสถานีวิทยุมีเดียสลาตัน
ถึงกับยอมหักปากกาผิดจรรยาบรรณสื่อ ออกมาชี้นำทางความคิดว่า
กระสุนปืนที่พบในโรงพยาบาลเป็นกระสุนมาตรฐานของกองทัพที่ใช้กับอาวุธปืนกลเบา
เอ็ม.60
และไม่เคยได้ข่าวว่ากลุ่มคนร้ายได้ทำการปล้นอาวุธปืนดังกล่าวจากเจ้าหน้าที่
จากการตรวจสอบข้อมูลความเชื่อมโยงของคดีต่างๆ
ที่คนร้ายเคยก่อเหตุ จะพบว่าคดีทั้งหมด เกิดขึ้นในพื้นที่
จ.นราธิวาส มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 29 ราย (ยังไม่รวมเจ้าหน้าที่ทหารพราน 7 นาย)
และเสียชีวิต จำนวน 13 ราย
เหตุการณ์ที่กลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ทำการก่อเหตุในปี
2554 จำนวน 6
คดี ปี 2555 จำนวน 2 คดี ปี 2556 จำนวน 6 คดี ปี 2557 จำนวน 2 คดี ปี
2558 จำนวน 8 คดี ปี 2559 จำนวน 1 คดี และล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 กลุ่มคนร้ายได้ทำการก่อเหตุยิงฐานเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นปพ. หน้าสถานีรถไฟ, ยิงฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4816
เจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บ 7 นาย และทำการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน
48 ในพื้นที่บ้านยานิง บริเวณ คอสะพานตลาดบ้านยานิง
ม.2 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
เจ้าหน้าที่ได้เร่งติดตามตัวคนร้ายที่กระทำความชั่วเหล่านั้นมาลงโทษดำเนินคดี
ล่าสุดวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2559 พันเอกยุทธนาม เพชรม่วง
หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เปิดเผยความคืบหน้าของคดี คนร้ายบุกยึด
รพ.เจาะไอร้องเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ร่วมก่อเหตุได้เพิ่มเติมอีก
4 ราย รวมทั้งหมดที่จับกุมได้ขณะนี้
9 ราย
ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการซักถามข้อมูลเพื่อสอบสวน ขยายผลหาผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น