‘แบมะ ฟาตอนี’
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559
ที่ผ่านมาศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (Deep South Watch) ร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมชายแดนใต้
จัดงาน “วันสื่อสันติภาพชายแดนใต้/ปาตานี ครั้งที่ 3 และสมัชชาสันติภาพ 2016” ที่ห้องประชุมใหญ่
คณะวิทยาการสื่อสารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
พลโทนักรบ
บุญบัวทอง ตัวแทนคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ อาวัง ญาบัต
ประธานสภาชูรอแห่งปาตานี (MARA
PATANI) และดาโต๊ะ ซัมซามิน บิน ฮาซิม
ผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ ได้เข้าร่วมทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายขบวนการ
ขณะที่ผู้ดินทางมาไม่ได้ มีการส่งเทปวีดีโอมาเปิดในงานดังกล่าว
ภาพรวมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการจัดงานในครั้งนี้
ทิศทางสันติภาพจากการจับกระแสและท่าทีของทั้งสองฝ่ายน่าจะเป็นไปด้วยดี มีการกล่าวความถึงความก้าวหน้าและสานต่อในการพูดคุยต่อไป
จุดสนใจและบุคคลที่น่าจับตามากที่สุดของงานนี้
อยู่ที่การเปิดเทปวีดีโอปาฐกถาของ นายอาวัง ญาบัต ประธานมาราปาตานี (MARA
PATANI) สาระสำคัญที่ นายอาวัง ได้กล่าวคือ
ความผิดพลาดที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ร่วมกัน
เพื่อทำให้เกิดการพูดคุยเจรจามีประสิทธิภาพสูงสุด ความขัดแย้งและอุดมการณ์
เป็นสิ่งท้าทาย รัฐบาลไทยประสบกับการเปลี่ยนรัฐบาล
แต่การเจรจาจะต้องเดินหน้าและให้อยู่ในนโยบายต่อไป
คำกล่าวที่ฟังแล้วระรื่นหูดูดี
จุดประกายความหวังสันติภาพให้กับประชาชนปาตานี
คงเดินหน้าไปตามโรดแมปที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ แต่ในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่การปาฐกถาของประธานมาราปาตานีนั้น
บนตู้หนังสือฉากหลังปรากฏว่า มีหนังสือชื่อ “Fiqh Jihad” (ฟิกห์ญิฮาด)
แปลว่า “ศาสนาบัญญัติว่าด้วยการญิฮาด” ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า
ถูกจับวางไว้อย่างตั้งใจในจุดที่โดดเด่นของเฟรมวิดีโอ ถึง 2
เล่มด้วยกัน พร้อมทั้งหันหน้าปกออกมาให้เห็นชัดเจน
โดยหนังสืออีกเล่มที่หันหน้าปกออก คือ คัมภีร์อัลกุรอาน ขณะที่เล่มอื่นๆ ล้วนหันสันปกออกทั้งสิ้น
วันที่ 5
มีนาคม www.abnewstoday.com
(ความจริงในโลกอิสลามวันนี้) ได้มีการเขียนวิเคราะห์ “บีอาร์เอ็น”ส่งรหัสสำคัญ ยึดแนวทาง“ญิฮาด”ตามแบบ“วะฮาบีตักฟีรี”ส่งสัญญาณชัด“บีอาร์เอ็น”ยึดแนวทางต่อสู้และ“ญิฮาด”ตามแบบนิกาย“วะฮาบีตักฟีรี”
ความตั้งใจหรือความไม่ตั้งใจ
แต่เสมือนหนึ่งว่าขบวนการบีอาร์เอ็นมีเจตนาส่งสัญญาณสำคัญบางอย่างผ่าน“ปกหนังสือ”ที่อยู่บนชั้นเหนือศีรษะของ นายอาวัง ญาบัต
หลังจากคลิปดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป
เหตุการณ์ความรุนแรงที่ตามมาช่างบังเอิญประจวบเหมาะเมื่อสมาชิกบีอาร์เอ็นในพื้นที่ได้ทำการก่อเหตุต่อชาวไทยพุทธ
โดยเมื่อวันที่ 3 มีนาคม แค่วันเดียวมีผู้เสียชีวิตถึง 4 รายด้วยกัน ฆ่าแล้วเผาเจ้าของสวนยางที่ยะหา
ยิงพนักงานการไฟฟ้าขณะกำลังปฏิบัติงานในพื้นที่ อ.ยะรังดับ ยิงอดีต
ผกก.ยะรังแล้วเผาขณะปั่นจักรยานออกกำลังกาย ยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน ฉก.ทพ.41
เสียชีวิตที่ยะลา ถัดมาวันที่ 4 มีนาคม
ยิงไปรษณีย์ชาวไทยพุทธเสียชีวิตขณะนำจดหมายมาส่งในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
และวันที่ 5 มีนาคมทำการขว้างระเบิดใส่บ้านชาวไทยพุทธที่ยะลาแต่ระเบิดไม่ทำงาน
นั่นคือเหตุร้ายที่สมาชิกขบวนการบีอาร์เอ็น
ได้มุ่งหมายเอาชีวิตของคนต่างศาสนาด้วยความโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และสุดโต่ง
แสดงให้เห็นถึงการสอดรับจากการส่งรหัสสำคัญของ นายอาวัง ญาบัต ที่จะใช้แนวทาง“ญิฮาด”ตามแบบ“วะฮาบีตักฟีรี”หากเป็นเช่นนั้นจริงแนวทางของขบวนการบีอาร์เอ็นเป็นขบวนการที่ฝักใฝ่ความรุนแรง
และบิดเบือนหลักศาสนา
ขบวนการบีอาร์เอ็น
นอกจากฝักใฝ่ความรุนแรง และบิดเบือนหลักศาสนาแล้ว
ยังได้ทำการปลุกจิตสำนึกในเรื่องของความแปลกแยกในสังคมไทยพุทธ และรัฐไทย ปลุกระดมเยาวชนในเรื่องของความแปลกแยกซึมซับเข้าไปอยู่ในจิตสำนึก
จนกลายเป็นความเคยชินในการใช้ชีวิตประจำวันให้มีความหวาดระแวงต่อคนไทยพุทธ
และรัฐไทย ไม่ให้เชื่อรัฐไทย ห้ามพูด ห้ามฟังภาษาไทย
ไม่ให้มีความปรองดองคบค้าสมาคมกับคนต่างศาสนา
ไม่เอาเขตปกครองพิเศษต้องเอกราชเท่านั้น และปลุกปั่นไม่ให้ยอมรับการปกครอง
และกฎหมายของรัฐบาลไทย
ที่กล่าวมาคือแนวทางของขบวนการบีอาร์เอ็นที่มีการปลูกฝังความคิดความเชื่อมากว่า
20 ปี การพูดคุยสันติสุข
เพื่อนำพาสันติภาพที่กำลังดำเนินการอยู่ในความเป็นจริงความรุนแรงน่าจะยุติและดำเนินไปตามครรลองบนโต๊ะเจรจา
แต่เป็นเพราะการเสพติดอยู่กับการฝักใฝ่ความรุนแรง
และการบิดเบือนหลักศาสนามาโดยตลอด ฤา การกล่าวของ นายอาวัง ญาบัต ผ่านคลิปที่ว่า “ความผิดพลาดที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ร่วมกัน
เพื่อทำให้เกิดการพูดคุยเจรจามีประสิทธิภาพสูงสุด ความขัดแย้งและอุดมการณ์
เป็นสิ่งท้าทาย รัฐบาลไทยประสบกับการเปลี่ยนรัฐบาล
แต่การเจรจาจะต้องเดินหน้าและให้อยู่ในนโยบายต่อไป”เป็นแค่ละครตบตาแต่หลังฉากยังนิยมความรุนแรง.
------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น