3/27/2559

เวลาที่ผ่านมาคือบทพิสูจน์ นายทวีศักดิ์ ปิ บรรณาธิการสำนักข่าว Wartani และสถานีวิทยุมีเดียสลาตัน

แบดิง โกตาบารู


ความรับผิดชอบของ นายทวีศักดิ์ ปิ ที่ได้สร้างความเสื่อมเสียต่อกองทัพ ทำลายภาพลักษณ์เจ้าหน้าที่ทหาร กรณีคนร้ายบุกโรงพยาลเจาะไอร้องได้มีการโพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัวชี้นำทางความคิดกล่าวหาว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ มีการแชร์ต่ออย่างกว้างขวางบ้างกล่าวหาเป็นการจัดฉากเพื่อเรียกงบ แต่เมื่อความจริงปรากฏกลับออกมากล่าวขอโทษด้วยข้อความสั้นๆ ในเฟสบุ๊คส่วนตัวแค่นี้เองหรือ?....

ย้อนรอยการโพสต์ภาพเปรียบเทียบผ้าพันคอเจ้าหน้าที่กับภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ที่นายทวีศักดิ์ ปิ ซึ่งเป็นบรรณาธิการสำนักข่าว Wartani และสถานีวิทยุมีเดียสลาตันกันอีกครั้งว่าพฤติกรรม ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์

นายทวีศักดิ์ ปิ ได้โพสต์ข้อความปลอกกระสุนในโรงพยาบาลเป็นปลอกกระสุนที่พบว่าเป็นกระสุนมาตรฐานของกองทัพที่ใช้กับปืนกลเบา เอ็ม 60 ซึ่งจากการสืบข่าวย้อนหลังตามสื่อต่างๆ ยังไม่เคยมีรายงานว่าปืนกลประเภทนี้ถูกปล้นออกจากกองทัพ ด้วยเหตุนี้การตั้งข้อสงสัยว่ากลุ่มไหนกันแน่ที่ใช้ปืนชนิดดังกล่าว

ในเวลาต่อมา พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงข่าวเปิดโปง นายทวีศักดิ์ ปิ จากสำนักข่าว Wartani และสถานีวิทยุมีเดียสลาตัน ได้พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการสร้างสถานการณ์โดยเจ้าหน้าที่รัฐ

นายทวีศักดิ์ ปิ ผู้นี้ได้ทำการโพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัวอีกครั้งเนื้อหาใจความสรุปว่า ผมโพสต์รูปเจ้าหน้าที่กับภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดในลักษณะการเปรียบเทียบเนื่องจากมีผ้าพันคอที่ดูลักษณะคล้ายกันและเพื่อใช้เฟสบุ๊คเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนมุมมองต่อประเด็นสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในรั้วปาตานีที่จำเป็นต้องมี เนื่องจากพื้นที่ความขัดแย้งมีข้อจำกัด social media ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่จะใช้ในการแลกเปลี่ยน

และล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มี.ค.59 หลังเหตุการณ์คนร้ายบุก โรงพยาบาลเจาะไอร้องได้ผ่านไป 13 วัน นายทวีศักดิ์ ปิ เพิ่งออกมาประณามกลุ่มคนร้ายแบบขอไปที เนื่องจากกระบวนการพิสูจน์หลักฐานได้พิสูจน์แล้วพบว่า กลุ่มบุคคลในกล้องวงจรปิดที่เข้าไปในโรงพยาบาลเจาะไอร้องไม่ใช่เจ้าหน้าที่ (จะมีการออกมาโพสต์ต่ออีกมั๊ยว่าที่ออกมาประณามคนร้ายเพราะถูกเจ้าหน้าที่บังคับ)

ที่น่าสนใจคือเนื้อหาใจความสำคัญที่ นายทวีศักดิ์ ปิ ได้ทำการโพสต์ กับการแก้ตัวแบบหน้าด้านๆ ไร้ยางอาย รูปภาพที่ผมโพสต์นั้นเพื่อตั้งข้อสันนิษฐานกรณี เหตุการณ์บุกโจมตีโรงพยาบาล   เจาะไอร้อง แต่ภาพดังกล่าวนั้นได้เกิดมีการแชร์ต่อๆ กันมา ทำให้บุคคลหลายฝ่ายเข้าใจผิดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์โดยเจ้าหน้าที่

อย่าลืมว่า นายทวีศักดิ์ ปิ เป็นถึงบรรณาธิการสำนักข่าว Wartani และสถานีวิทยุมีเดียสลาตัน การที่คุณทำการโพสต์อะไรลงไปในเฟสบุ๊คส่วนตัว หัวโขนที่สวมหัวคุณอยู่คือสื่อมวลชนที่จะต้องรายงานข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นเนื้อหาต่างๆ ที่คุณได้ทำการโพสต์ไปนั้น ประชาชนที่บริโภคข่าวสารจากคุณจะเชื่อในฐานะได้รับข้อมูลจากสื่อ

นิสัยคนไทยโดยทั่วไป ค่อนข้างจะมีนิสัยลืมง่ายไม่ค่อยจดจำกันสักเท่าไหร่ และจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของ นายทวีศักดิ์ ปิ และกลุ่มบุคคลอีกหลายคนซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกัน หากเราจับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน คนกลุ่มนี้สะกดไม่เป็นหรอกกับคำว่าสำนึกและความรับผิดชอบ ไม่มีแม้การยอมรับผิด กล่าวคำขอโทษกับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป สะสมกลายเป็นสันดานฝังแน่นอยู่ในสายเลือดจนยากที่จะเยียวยา

ลองคิดเล่นๆ กันดูหากเหตุการณ์นี้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่เพื่อสร้างสถานการณ์จริง ป่านนี้ นายทวีศักดิ์ ปิ คงเดินหน้าขย่มกัดไม่ปล่อย ฝูงสุนัขจิ้งจอกฝูงใหญ่คงนำเรื่องดังกล่าวไปทำการขยายผลต่อยังองค์กรระหว่างประเทศ

จะหาความจริงใจจากคนกลุ่มนี้หรือ? คงยากเย็นแสนเข็ญเต็มทีมีแต่คอยแว้งกัด หาจุดผิดพลาดที่เกิดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่แล้วนำมาขยายผล นี่ขนาดเหตุการณ์เกิดจากการกระทำของกลุ่มขบวนการโจรใต้มันยังกล้าบิดเบือน โยนผิดให้เจ้าหน้าที่ หน้าของคนพวกนี้หนามาก ขนาดสัตว์บางชนิดยังอาย...คอยจับตาดูพฤติกรรมกันต่อไปของ นายทวีศักดิ์ ปิ จะมาไม้ไหนอีกแต่ที่แน่ๆ ไม่มีวันที่จะเลิกจ้องล้างจองผลาญเจ้าหน้าที่ คอยขุดคุ้ยบาดแผลเก่าๆ ในอดีตมาหลอกหลอนให้สังคมไม่มีวันลืม จะให้คนกลุ่มนี้เลิกนิสัยและสันดานแบบนี้คงยากเต็มที หากไม่มีมาตรการขั้นเด็ดขาดจัดการคงจะต้องทำใจ มีทางเดียวเท่านั้นคือปล่อยให้แก่ตายไปเอง...

-------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น