9/29/2557

เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตามกฏหมายกลับโดนเครือข่ายภาคประชาสังคมร้องเรียน

แบมะ ฟาตอนี
กรณีการร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี

เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2557 เวลา 15.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี จำนวน 5 นาย โดยการนำของ ร้อยตำรวจตรี เลิศ บุญอินทร์สุข รองสารวัตรสืบสวน เป็นหัวหน้าชุด ขณะขับรถผ่าน พบเห็น กลุ่มวัยรุ่น 4 คน มีท่าทีพิรุธ นั่งอยู่หน้าบ้านพักเลขที่ 56/44 ม.1 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี  จึงเข้าไปพูดคุยสอบถามและขอเข้าทำการตรวจค้น ทราบว่าเป็นบ้านเช่าของ นายทวีศักดิ์ ปิ ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุมีเดียสลาตัน พร้อมเพื่อนอีก 3 คน ได้แก่ นายอาดือนัน  มะลาแซ นายไชดี  ซากา และ นายซอฟวัน สะตะ โดยใช้เวลาในการตรวจค้นประมาณ 1 ชั่วโมง  ผลการตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2557 เวลา 14.30 น. ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพ ประมาณ 30 คน ได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี  โดยระบุว่า การตรวจค้นดังกล่าวมีลักษณะของการข่มขู่ คุกคาม และบังคับให้ประทับลายนิ้วมือ และให้ลงชื่อกำกับในเอกสาร ซึ่งเป็นการใช้อำนาจกฎอัยการศึก โดยพลการ โดยไม่มีเหตุจำเป็น อีกทั้งมีการข่มขู่ด้วยวาจาและได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ โดยสรุป คือ
      1. ให้เอกสารที่นายทวีศักดิ์ได้ลงชื่อไปนั้นเป็นโมฆะ
      2. ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ชี้แจงเหตุผลในการตรวจค้นดังกล่าว
      3. ขอให้หน่วยงานภาครัฐชี้แจงถึงอำนาจของเจ้าหน้าที่ในการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจ DNA รวมทั้งสิทธิของประชาชนต่อเรื่องนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจตรงกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน
สาเหตุของการเข้าตรวจสอบในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี
เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามแนวทางของแผนพิทักษ์ อำเภอเมืองปัตตานี ดำเนินการกวดขันติดตามจับกุมและปฏิบัติตามกฏหมายเข้าตรวจสอบบ้านเช่าหอพักในเขตพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี และพื้นที่ใกล้เคียง ทำการตรวจสอบหาแหล่งจำหน่าย และผู้เสพยาเสพติด การแฝงตัวของกลุ่ม ผกร.ในการนำวัตถุระเบิดซุกซ่อนเตรียมก่อเหตุในพื้นที่  และเพื่อเป็นการจัดระเบียบบ้านเช่าหอพัก ไม่ให้เป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดและสิ่งผิดกฏหมายทุกชนิด
ซึ่งในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ทั้ง 5 นาย ได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขอเข้าทำการตรวจสอบบุคคลภายในบ้าน ซึ่งบางคนมีท่าทางพิรุธ  แต่บางคนปกติโดยในช่วงแรกนายทวีศักดิ์ ปิ หรือ วีและพวกให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่สอบถามบุคคลทั้ง 4 ได้แสดงตนว่าเป็นนักศึกษา กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.ปัตตานี) แต่ไม่ได้แสดงบัตรประจำตัวนักศึกษาแต่ประการใด
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน จึงขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมกับแจ้งความประสงค์ให้ทราบว่าได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มาตรวจสอบบ้านเช่าหอพัก ที่มีบุคคลต่างท้องที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่เขตอำเภอเมืองปัตตานี และขอจัดทำประวัติบุคคลซึ่งทั้ง 4 คนทราบและเข้าใจ พร้อมกับยินยอมให้จัดทำประวัติ โดยการจัดเก็บลายพิมพ์นิ้วมือและเยื่อน้ำลายภายในกระพุ้งแก้ม ซึ่งบุคคลทั้ง 4 คนเข้าใจและยินยอมให้จัดเก็บ
แต่ในขณะจัดเก็บนั้น นายทวีศักดิ์ ปิ และนายอาดือนัน  มะลาแซ ได้โทรศัพท์ปรึกษาทนายความพร้อมกับได้ถ่ายรูปพวกไว้ในขณะปฏิบัติงานอยู่  แล้วต่อมากลับคำพูดแจ้งว่า ไม่ยินยอมให้ตรวจเก็บสารพันธุกรรม (DNA)   เจ้าหน้าที่จึงไม่ได้จัดเก็บสารพันธุกรรม (DNA) แต่อย่างใด นายทวีศักดิ์ ปิ จึงได้โทรศัพท์ประสานให้ นายมูฮำหมัด ดือราแม บรรณาธิการโรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้มาเป็นพยานในการตรวจค้นในครั้งนี้ด้วย
นายทวีศักดิ์ ปิ น้องชายนายปัญญา ปิ มือประกอบระเบิด ผกร.หน้าโรงเรียนนิบงชนูปถัมภ์ จ.ยะลา

     นายปัญญา  ปิ ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนายทวีศักดิ์เป็นสมาชิก ผกร. เป็นมือประกอบระเบิดของกลุ่มก่อความไม่สงบ อยู่ในเครือข่ายของนายอับดุลเลาะ  ปุลา มีหมาย ป.วิอาญา และนายอิสมาแอ  ปุลา มีหมาย ป.วิอาญา        และเมื่อปี 2552 จากกรณี กลุ่ม ผกร.ทำการลอบวางระเบิดบริเวณหน้าโรงเรียนนิบงชนูปถัมภ์ เขตเทศบาลนครยะลา แต่เกิดข้อผิดพลาด เป็นเหตุให้ผู้ร่วมก่อเหตุคนหนึ่งเสียชีวิตทันทีในที่ก่อเหตุคือ นายซาลาฮูดิน ปุลา ซึ่งป็นน้องชายของนายอับดุลเลาะ  ปุลา จากการตรวจสอบโทรศัพท์ของนายซาลาฮูดิน  ปุลา พบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายปัญญา  ปิ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการควบคุมตัวนายปัญญา  ปิ และให้การยอมรับสารภาพว่าได้ร่วมกันประกอบระเบิดดังกล่าวกับนายอับดุลเลาะ  ปุลา และนายอิสมาแอ  ปุลา จริง             
ต่อมานายอิสมะแอ  ปุลา ได้ถูกจับกุมตัวในพื้นที่ ตำบลตะลุโบ๊ะ อำเภอเมืองปัตตานี เมื่อปี 2555 ซึ่งในขณะนี้บุคคลทั้ง 3 ราย คือ นายปัญญา  ปิ นายอับดุลเลาะ  ปุลา  นายอิสมะแอ  ปุลา ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจังหวัดยะลา
สื่อแนวร่วม นักวิจัยอิสระ องค์กรภาคประชาสังคม พร้อมใจกันประโคมข่าว
นางสาวรุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช นักวิจัยอิสระ ได้ในโพสเฟสบุ๊คส่วนตัว  แสดงความคิดเห็นกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ค้นหอพักและถูกบังคับให้ตรวจ DNA ของ นายทวีศักดิ์  ปิ  ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุมีเดียสลาตัน ซึ่งข้อความตอนหนึ่งระบุว่า ตำรวจเข้าไปตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้นไม่ได้ กฎอัยการศึกให้อำนาจทหารในการตรวจค้นจับกุมโดยไม่มีหมายศาลได้ แต่ตำรวจทำไม่ได้ ตำรวจเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานได้ ซึ่งหมายถึงว่าต้องไปร่วมกับทหาร
ข้อเท็จจริงของการใช้อำนาจตามพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548
ในความเป็นจริงแล้วการใช้อำนาจตามพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548
ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ตามคำสั่ง ที่ 298/50 ลง 26 ส.ค.2550 เรื่องแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจตรวจค้นตาม พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ให้นายทหารชั้นสัญญาบัตรที่มียศตั้งแต่ ร้อยตรี เรือตรี และเรืออากาศตรี นายตำรวจชั้นสัญญาบัตรตั้งแต่ ร้อยตำรวจตรี หรือพนักงานฝ่ายปกครองตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป มีอำนาจตรวจค้นตาม พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนการร้องเรียนของเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพ ต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้  โดยเฉพาะผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี จะเข้าไปทำความเข้าใจต่อผู้บริหารสถานีวิทยุมีเดียสลาตัน และต่อผู้เสียหายต่อไป
การเคลื่อนไหวของภาคประชาสังคมเหมาะเจาะถูกที่ ถูกเวลาแทบทุกครั้งที่เกิดเรื่องราวขึ้น ซึ่งเป็นความจับมือกันอย่างเข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่ของแนวร่วมเครือข่าย ผกร. ในการฉกฉวยโอกาสในการป้ายสีให้กับเจ้าหน้าที่รัฐจนตั้งตัวแทบไม่ทัน มีการจุดกระแสขึ้นชี้ให้เห็นการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ ทั้งที่ในบางครั้งองค์กรเหล่านี้ถึงกับออกหน้าช่วยเหลือ ผกร.ให้พ้นผิด โดยไม่สนว่าบุคคลผู้นั้นผิดจริงหรือมีความเชื่อมโยงกับแนวร่วมขวนการหรือไม่ อย่างไร
ผู้ที่ถูกทำการตรวจค้นบ้านพักในครั้งนี้อาจจะเป็นแนวร่วมหรือเกี่ยวข้องกับกลุ่ม ผกร.หากจะดูความสัมพันธ์เชื่อมโยงของบุคคลในครอบครัวของนายทวีศักดิ์ ปิ ที่โดนจับกุม คุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดยะลาเป็นถึงมือประกอบระเบิด
ในขณะที่ความตั้งใจจริงของเจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติต่างทุ่มเทเสียสละในการทำงานบังคับใช้กฏหมายเพื่อช่วยกันคลี่คลายและระงับเหตุป้องกันจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุดและได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินร่วมกัน แต่กลับเกิดประเด็นการร้องเรียนกล่าวหาว่าเป็นการคุกคาม ข่มขู่ น่าเหนื่อยใจแทนเจ้าหน้าที่ดีๆ ที่ทุ่มเทการปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน ในเมื่อทำอะไรไม่ได้สักอย่างแล้วใครหน้าไหนจะยอมเปลืองตัวเสียสละลงมาแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งนี้

*****************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น