แบมะ ฟาตอนี
ขบวนการโจรใต้ฟาตอนีที่ทำการเคลื่อนไหวต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐไทย
มีทั้งฝ่ายการเมืองที่รับผิดชอบในการปลุกระดมแนวความคิด จุดประกายการกำหนดใจตนเอง (RSD) นำไปสู่การลงประชามติเพื่อแยกตัวอิสระในการปกครองตนเอง สร้างกระแสด้วยการจัดเสวนาทั้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้
พื้นที่ส่วนอื่นของประเทศ และยังต่างประเทศ ส่วนฝ่ายทหารมุ่งสร้างความปั่นป่วนด้วยการก่อเหตุร้ายทำลายชีวิตผู้คนและทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีของการเกิดเหตุความไม่สงบในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้
เคยมีใครตั้งข้อสงสัย!!มั๊ยว่า ทำไม? โจรใต้ฟาตอนีไม่หมดสักที
ทั้งๆ ที่โดนจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายจำนวนมาก เสียชีวิตจากเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ก็พอควร
และในส่วนที่กลับใจมารายงานตัวแสดงตนเข้าสู่โครงการพาคนกลับบ้านเพื่อกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัว
ถ้านับถึง ณ ปัจจุบันนี้ยอดทะลุเป็นหลักพันคน
คำถามนั้นอาจจะไม่มีคำตอบ หากไม่ได้ออกมาจากปากของสมาชิกแนวร่วม
ผกร.เองที่โดนจับกุมตัว ซึ่งแต่ละคนได้เล่าถึงปูมหลัง
“จุดเริ่มต้นสร้างโจรใต้”
ของบรรดาระดับแกนนำในแต่ละพื้นที่ ซึ่งได้ใช้เล่ห์เพอุบายหลอกล่อชักชวนเยาวชนและนักเรียน นักศึกษาเข้าสู่องค์กร
และแหล่งบ่มเพาะ
วิธีการชักชวนเป้าหมายเข้าสู่องค์กร
วิธีการที่พวกโจรใต้เอามาใช้ต่อเป้าหมายแล้วได้ผลคือ
การชักชวนเยาวชนโดยอ้างอิงประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี หลักการญีฮาดของศาสนาอิสลาม
เงื่อนไขความไม่เป็นธรรมในสังคมที่ถูกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ
และเงื่อนไขความเป็นชาติพันธุ์มลายูในระบบเครือญาติ อาศัยสถาบันศาสนาอิสลาม
แล้วอ้างเอาพระเจ้า หรือ “องค์อัลเลาะห์” มาเรียกร้องความเป็นพวกเดียวกันจากประชาชนในชุมชน
และประชาชนทั่วไปที่นับถือศาสนาอิสลามด้วยกัน
วิธีการคัดเลือกเป้าหมายจะต้องเป็นเยาวชนที่มีความประพฤติเรียบร้อย
มีความอ่อนไหวง่ายต่อการปลูกฝังอุดมการณ์ทางความคิด โดยที่ผ่านมาส่วนมากจะเป็นครูสอนศาสนา (อุสตาซ) หรือแม้กระทั่งรุ่นพี่หรือบุคลากรในสถานศึกษาที่เป็นนักจัดตั้ง
ทำการปลุกระดม ชักชวนให้เยาวชนเป้าหมายเข้าสู่ขบวนการ ซึ่งจะแบ่งเป็นเยาวชนที่อยู่ในสถานศึกษา
และนอกสถานศึกษา
การเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารสมัยใหม่ในการชักชวนเป้าหมายเข้าสู่องค์กร
นับได้ว่าปัจจุบันมีความสะดวกเท่ากับว่ายิ่งเพิ่มความสุ่มเสี่ยงมากยิ่งขึ้น เพราะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่
หันมาสนใจกับเทคโนโลยีทางการสื่อสารมากยิ่งขึ้น
มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง จึงเป็นช่องทางให้กลุ่ม
ผกร.ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการโน้มน้าว ชักชวนกลุ่มเยาวชนที่มีคุณสมบัติ
พร้อมกับมีการนัดพบปะเพื่อปลูกฝังอุดมการณ์แนวความคิดต่อต้านรัฐ
พัฒนาไปสู่ขั้นตอนการชักชวนให้เข้าสู่ขบวนการตามขั้นตอนในการจัดตั้งเพื่อเป็นสมาชิก
ผกร.ต่อไป
เนื้อหาของการบ่มเพาะ
การปลูกฝังอุดมการณ์แนวความคิดให้กับแนวร่วมยุคใหม่
กลุ่ม ผกร.ยังคงใช้เนื้อหาในการบ่มเพาะ 3 ประเด็นหลักด้วยกัน คือ ด้านประวัติศาสตร์
ศาสนาอิสลาม
และเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตประชาชนชาวไทยมุสลิมจำนวนมาก
ด้านประวัติศาสตร์
จะมีการกล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับรัฐปาตานีดารุสลามที่เคยรุ่งเรืองในอดีต มีอิสระ
แต่กลับถูกยึดครองจากสยาม
อีกทั้งยังมีการเกณฑ์แรงงานชาวปาตานีไปขุดคลองแสนแสบที่บางกอก
อย่างไรก็ตามจากแหล่งข้อมูลมีการพบว่าในปัจจุบันนี้มีการใช้เนื้อหาประวัติศาสตร์น้อยลงมาก
ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากเยาวชนหรือแนวร่วมรุ่นใหม่ๆ ไม่ค่อยมีความรู้สึกร่วมกับประเด็นประวัติศาสตร์อีกแล้ว
การใช้ศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือ
จะใช้การบิดเบือนให้แนวร่วมเข้าใจผิดว่าการต่อสู้ของกลุ่มขบวนการเป็นความประสงค์ของพระเจ้าแล้วก็สร้างภาพให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า “คนอิสลามทุกคนคือนักรบของพระเจ้า
ถ้าใครไม่รบก็จะต้องให้ความช่วยเหลืออย่างอื่นแทน
หรือถ้าช่วยเหลือไม่ได้ก็ต้องยืนอยู่ข้างเดียวกัน ทุกคนต้องสาบานว่า
จะต่อสู้เพื่อปลดปล่อยปัตตานีให้เป็นแผ่นดินของพระเจ้า
โดยถือคำสาบานว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนได้เปล่งวาจาออกมาด้วยความเสียสละ ไม่กลัวตายใดๆ
ทั้งสิ้น ถือเป็นคำสัตย์สูงสุด”
ผู้ที่ไม่เข้าร่วมหรือไม่ทำตามจะเป็นบาปตกนรกแต่ถ้าหากเสียชีวิตจากการต่อสู้จะได้ขึ้นสวรรค์ทันที
การใช้ประเด็นศาสนามักใช้ได้ผลกับสมาชิกแนวร่วมที่มีความรู้น้อยเท่านั้น หากเป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องศาสนาเป็นอย่างดีอาจจะไม่ได้ผลทางด้านจิตวิทยา
เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตประชาชนชาวไทยมุสลิมหมู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ชุมนุมที่หน้ามัสยิดกรือเซะ
จ.ปัตตานี และเหตุการณ์ชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้กลายเป็นวันเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มขบวนการ
มีการใช้เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตประชาชนชาวไทยมุสลิมจำนวนมากในการปลุกระดม
เนื่องจากเป็นเหตุการณ์เพิ่งเกิดและส่งผลในด้านจิตวิทยาต่อเยาวชนหรือแนวร่วมโดยตรงให้เกิดความเกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ
การปลุกระดม
ฝ่ายปลุกระดมไม่มีแบบแผนตายตัวขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
แต่ส่วนมากมักเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้
หรือได้รับการยกย่องและยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ มีคุณวุฒิทางศาสนา ขบวนการโจรใต้ฟาตอนี มีขีดความสามารถในการสร้างผู้นำศาสนา รวมทั้งครูสอนศาสนา
(อุสตาส) ให้เป็นแกนนำในพื้นที่ต่างๆ
แล้วแบ่งกันรับผิดชอบ ออกปฏิบัติการตามคำสั่งในการปลุกระดม และยังสามารถทำให้ผู้นำศาสนาเหล่านี้มีความเลื่อมใสศรัทธา
พอกพูนอุดมการณ์อย่างชนิดถวายหัวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือการได้เป็นนักรบของพระเจ้า
หลงเชื่อว่าเป็นการทำสงครามเพื่อปลดปล่อยอิสลามจากการกดขี่ข่มเหงของคนต่างศาสนา
สถานที่หรือแหล่งบ่มเพาะ
กลุ่ม
ผกร.ยังคงลักลอบใช้สถานที่ทั้งภายในสถานศึกษาและภายนอสถานศึกษาในการบ่มเพาะเยาวชนหรือแนวร่วม
ตามจังหวะโอกาสจะเอื้ออำนวย
แหล่งบ่มเพาะในสถานศึกษานับว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะชั้นดีของกลุ่ม
ผกร.เลยทีเดียว เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการบ่มเพาะแนวร่วมสั้นกว่านอกสถานศึกษา
ยิ่งไปกว่านั้นเยาวชนหรือแนวร่วมที่เข้าสู่ขบวนการบ่มเพาะในสถานศึกษามักมีความตั้งใจในการรับฟังและเชื่อฟังสูงกว่าผู้ที่เข้าร่วมการบ่มเพาะนอกสถานศึกษา
จึงไม่น่าแปลกใจที่มีข่าวคราวโรงเรียนสอนศาสนาเอกชน
หรือปอเนาะมักมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการมาโดยตลอด เป็นที่ซ่องสุมกำลัง
เป็นแหล่งพักพิง หลบซ่อนตัว ซ่อนอาวุธ และเป็นที่ประกอบวัตถุระเบิดของ ผกร.
นี่คือรูปแบบในการหาสมาชิกแนวร่วมของกลุ่ม
ผกร.ฝากผู้ปกครองคอยย้ำเตือนดูแลบุตรหลานอย่าให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มโจรชั่วเหล่านี้
โดยเฉพาะบุตรหลานของท่านที่เป็นเด็กนิสัยดี เรียบร้อย เรียนเก่ง อย่านิ่งนอนใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการ
อย่าลืมว่าเด็กที่มีคุณสมบัติเหล่านี้คือเป้าหมายของกลุ่มขบวนการ ที่อยู่ในสายตา
ผกร.คอยติดตาม ชักชวนให้เข้าสู่วังวนของความชั่วร้าย ยากที่จะถอนตัว เนื่องจากถูกปลูกฝังอุดมการณ์ เหมือนการฝังซิป ด้วยการบิดเบือนความจริง
ใส้ข้อมูลผิดๆ ให้หลงเชื่อตามที่กลุ่มขบวนการต้องการให้เป็น
หลายต่อหลายครั้งที่เกิดการปะทะจนนำไปสู่การสูญเสีย ณ เวลานั้นมันสายเกินแก้ไปเสียแล้ว
กว่าจะรู้ว่าลูกตัวเองเป็นสมาชิกแนวร่วม....พ่อแม่ต้องเสียน้ำตา บุตรหลานต้องจบชีวิตลงหมดสิ้นอนาคต
หมดทุกสิ่งทุกอย่าง..แล้วเราจะไปร้องเรียกหาอะไรจากใครไม่ได้อีกเลย!!!!!
*****************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น