แบมะ
ฟาตอนี
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
ได้อ่านเจอข่าวชิ้นหนึ่งซึ่งสื่อเว็บไซต์ข่าวสารออนไลน์ รายงานข่าวสถานการณ์ภาคใต้ www.southernreports.com ซึ่งในความรู้สึกของผู้เขียนถือได้ว่าเป็นข่าวสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เนื้อหาข่าวได้ระบุว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.57
เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลย์จับกุมโจรใต้ พร้อมอาวุธปืนสงคราม จำนวน 4 กระบอก ได้ตัว 1 ราย อีก 3 รายสามารถหลบหนีไปได้
รายละเอียดของข่าวดังกล่าว
ได้แจ้งว่าผู้ที่ตำรวจมาเลเซียจับกุมตัวได้นั้น คือ นายอิสบูเลาะ บิน มูฮำหมัด
อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านไพรวัลย์ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส พร้อมอาวุธสงคราม
4 กระบอก ส่วนแนวร่วมอีก 3 คน ไหวตัวทันได้หลบหนีไปก่อน นายอิสบูเลาะ บิน มูฮำหมัด ได้หนีจากประเทศไทยเข้ามากบดานอยู่ที่บ้านนาคออีบู
รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดอาวุธปืนสงครามได้
4 กระบอก ด้วยกัน
นายอิสบูเลาะ
บิน มูฮำหมัด เป็นผู้ต้องหายิงนางสมศรี ธัญญะเกษตร ครูโรงเรียนบ้านโคกมือบา
อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2557 และได้หวนกลับมาทำการก่อเหตุอีกครั้งเมื่อ
28 มิ.ย.2557 ด้วยการซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นปพ. เสียชีวิต จำนวน 2 นาย และชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ในการนี้กลุ่มโจรใต้ซึ่งแน่นอนมีนายอิสบูเลาะ บิน มูฮำหมัด รวมอยู่ด้วยได้นำอาวุธปืนสงคราม
จำนวน 4 กระบอก ของตำรวจ สภ.ตากใบ ที่ถูกยิงเสียชีวิต
หลบหนีข้ามแดนไปกบดานยังฝั่งรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย
จะเห็นได้ว่าขบวนการโจรใต้ได้ใช้ประเทศมาเลเซียเป็นสถานที่กบดานหนีการจับกุมจากเจ้าหน้าที่รัฐ
พร้อมๆ กับได้ใช้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลัง วางแผนในการก่อเหตุ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ได้เดินทางเข้าออกชายแดนไทย-มาเลย์
เป็นว่าเล่นมีความหย่ามใจเมื่อทำการก่อเหตุแล้วเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยไม่สามารถที่ดำเนินการติดตามจับกุมได้ในฝั่งมาเลเซีย
น่าคิดเป็นอย่างยิ่งว่ายังมีแนวร่วมโจรใต้อีกจำนวนเท่าไหร่ที่มีพฤติกรรมดั่งเช่นนายอิสบูเลาะ
บิน มูฮำหมัด ฆ่าคนแล้วหลบหนีกบดาน พอเรื่องเงียบกลับเข้ามาก่อเหตุใหม่
เหมือนหมาลอบกัด
ส่วนกรณีการจะขอตัวนายอิสบูเลาะ
บิน มูฮำหมัด มาดำเนินคดีในประเทศไทย ไม่สามารถกระทำได้
เนื่องจากประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน การเอาผิดกับนายอิสบูเลาะฯ
จะต้องรับโทษตามกฎหมายของประเทศมาเลเซียเท่านั้น ซึ่งมีข้อหาหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว
เนื่องจากการครอบครองอาวุธสงครามถึง 4 กระบอกด้วยกัน
ปัญหาผู้ร้ายหลบหนีข้ามแดนไปกบดานยังประเทศมาเลเซีย เป็นปัญหาเรื้อรังมานานแล้ว
ซึ่งบุคคลเป้าหมายที่หนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่หลายคนด้วยกันเป็นบุคคลสองสัญชาติ
เมื่อทำการก่อเหตุแล้วกลับไปใช้ชีวิตตามปกติในฝั่งมาเลเซียเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ของไทยที่มีปัญหาเรื้อรังมานานตลอดระยะเวลาสิบกว่าปี
ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ให้คลี่คลาย ทุเลาเบาบางลงไปได้
เนื่องจากความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร
ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามถึง 80 เปอร์เซ็นต์
มีปัญหาอุปสรรคเรื่องารสื่อสารทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถ
เขียน อ่าน พูด ภาษาไทยได้ การรับรู้ข้อมูลข่าวสารใช้แบบปากต่อปาก
จึงเป็นช่องทางให้มีการปล่อยข่าวลือบิดเบือนข้อมูลความจริง
มาถึงยุค
คสช.ยุคที่ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศที่มีความขัดแย้ง
มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเต็มคณะ และสามารถสั่งการแก้ไขปัญหาได้เต็มร้อย
โดยเฉพาะปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ได้ให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้
ประชาชนจะได้มีความหวังมองเห็นสันติสุขเกิดขึ้นในพื้นที่
เบื้องลึกหลังฉาก คสช.
ระดับบิ๊กในคณะผู้ที่คร่ำหวอดเคยปฏิบัติงานประสานชายแดนไทย-มาเลย์ มาอย่างยาวนาน
ซึ่งมีความสัมพันธ์แนบแน่นส่วนตัวกับผู้นำสูงสุดทางทหารของประเทศมาเลเซียมีการต่อสายตรงพูดคุยเพื่อให้ความร่วมมือระหว่างกัน
หากเป็นเช่นนั้นจริงต่อไปนี้ผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ใช้วิธีการเดิมๆ เข้าๆ ออกๆก่อเหตุในไทยแล้วใช้วิธีหลบหนีข้ามพรหมแดน
กบดาน พอเรื่องเงียบกลับเข้ามาทำการก่อเหตุใหม่คงจะทำได้ยากขึ้น
จากการจับกุมนายอิสบูเลาะ บิน
มูฮำหมัด พร้อมอาวุธสงครามในครั้งนี้
จะเป็นผลงานชิ้นแรกที่พิสูจน์ความจริงใจของทางการมาเลย์ว่าจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ต้องหาอย่างไร?
อยากเป็นกรณีตัวอย่าง “เชือดไก่ให้ลิงดู” ให้สมาชิกแนวร่วมโจรใต้ที่ยังฝังตัว
กบดาน หนีการจับกุมอีกหลายสิบคน
ได้เห็นว่าทางการมาเลย์เอาจริงเอาจังกับโจรใต้เหล่านี้
เมื่อมีความร่วมมือระหว่างกันด้วยความจริงใจ
เมื่อนั้นขบวนการโจรใต้ก็ไม่กล้าที่จะใช้ประเทศมาเลเซียเป็นที่กบดานได้อีกต่อไป ปัญหาที่ก่อเกิดคงทุเลาเบาบางลง
การทำความเข้าใจระหว่างกันก็จะต้องใช้วิธีการพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน
บนเวทีการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ที่จะเกิดขึ้นเร็ววันนี้
*****************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น