‘อิมรอน’
การบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่กระทำความผิดเริ่มเห็นผล
คนชั่วไม่ลอยนวลอีกต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้การดำเนินคดีส่งตัวจำเลยฟ้องศาลเพื่อเอาผิดต่อผู้ก่อเหตุรุนแรง
ศาลได้พิจารณายกฟ้องเกินครึ่งของคดีความทั้งหมด เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
ในปัจจุบันความเจริญด้านวิทยาศาสตร์ได้มีบทบาทในการติดตามหาตัวคนร้ายด้วยการตรวจหาสารพันธุกรรมดีเอ็นเอ
(DNA) เพื่อใช้ในการยืนยันตัวบุคคล โดยมีหน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจ เป็นหน่วยงานหลักในการพิสูจน์หลักฐานวัตถุพยานต่างๆ
และหาความเชื่อมโยงกับคดีความต่างๆ ที่ได้มีการเก็บไว้ในสารบบ
ซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญในการส่งตัวผู้ต้องสงสัยฟ้องต่อศาล
และนับว่าคงเป็นนิมิตหมายที่ดีนับต่อจากนี้ไปการติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุรุนแรง
เมื่อส่งตัวฟ้องศาลดำเนินคดี สามารถเอาผิดจำคุกเพื่อให้บุคคลเหล่านั้นได้ชดใช้กรรมจากการกระทำความรุนแรงต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
และล่าสุดศาลจังหวัดยะลาได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต‘นายอับดุลเลาะ ปูลา’หัวหน้าชุดปฏิบัติการ
RKK
รวมถึงครูฝึกหลักสูตรให้แก่ผู้ก่อเหตุรุนแรงรุ่นใหม่ เป็นบุคคลที่หน่วยงานภาครัฐต้องการตัวเนื่องจากมีหมายจับ
ป.วิอาญา จำนวน 5 หมาย
โดยเมื่อวันที่
27 มีนาคม 2558 ศาลจังหวัดยะลา ได้มีคำพิพากษาคดีก่อการร้าย
เลขคดี 151/58 โดยศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต‘นายอับดุลเลาะ ปูลา’แกนนำผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่อำเภอธารโต จังหวัดยะลา
เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้เปิดเผยว่า
‘นายอับดุลเลาะ ปูลา’ เคยถูกจับกุมตัวมาแล้วถึง
2 ครั้งด้วยกัน
ครั้งที่ 1 ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2556 โดยสถานีตำรวจภูธรธารโต ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดน 441 รวบตัวนายอับดุลเลาะฯ ได้ในพื้นที่ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต จังหวัดยะลา
ส่งตัวดำเนินกรรมวิธีซักถาม ณ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
พฤติกรรมของ
นายอับดุลเลาะฯ เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ RKK และมีหน้าที่ในการควบคุมคอมมานโดในพื้นที่ตำบลบ้านแหร
อำเภอธารโต จังหวัดยะลา
จากผลการซักถาม
นายอับดุลเลาะฯ ยังเป็นครูฝึกหลักสูตร RKK ให้กับผู้ก่อเหตุรุนแรงรุ่นใหม่
สามารถปฏิบัติการได้ทั้ง มือปืน การลอบวางระเบิด และเป็นบุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา
จำนวน 5 หมาย
นายอับดุลเลาะฯ
ยังให้การยอมรับกับเจ้าหน้าที่ชุดซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 และให้การซัดทอดผู้ที่ร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการลาดตระเวน
หน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 ในพื้นที่ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2554
ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ออกหมาย
พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ส่งควบคุมตัวต่อ ณ ศูนย์พิทักษ์สันติ
ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2556 นายอับดุลเลาะ ปูลา ประกันตัว เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งกลับภูมิลำเนาในเวลาต่อมา
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43
ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรธารโต ได้เชิญตัวนายอับดุลเลาะ ปูลา ผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรธารโต
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2557
เจ้าหน้าที่ส่งดำเนินกรรมวิธีซักถาม
ณ หน่วยซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ผลการซักถามนายอับดุลเลาะ
ปูลา ได้ให้การปฏิเสธเหตุลอบวางระเบิดชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรธารโต
แต่ให้ข้อมูลว่าน่าจะเป็นฝีมือกลุ่มของ นายซายูตี สูเด็ง เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ
และในเวลาต่อมาเมื่อวันที่
9
กุมภาพันธ์ 2557 นายอับดูลเลาะ ปูลา
ได้ถูกปล่อยตัวกลับภูมิลำเนา ซึ่งอยู่ในระหว่างประกันตัว
และเมื่อวันที่
27
มีนาคม 2558 ศาลชั้นต้นพิพากษา “จำคุกตลอดชีวิต” นายอับดุลเลาะ ปูลา
และปัจจุบันฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดยะลา
การดำเนินการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงของเจ้าหน้าที่
ได้มีการปฏิบัติเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนใดๆ ทั้งสิ้น
อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐได้เปิดช่องทางและเปิดโอกาสให้กับผู้หลงผิดในการเข้าร่วม “โครงการพาคนกลับบ้าน” หันหลังให้กับขบวนการกลับมารายงานตัวแสดงตนกับเจ้าหน้าที่
เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขไม่ต้องหลบซ่อนตัวหนีการจับกุมจากเจ้าหน้าที่รัฐ
ในปัจจุบันจากความเจริญทางเทคโนโลยี
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การยืนยันตัวบุคคลด้วยการตรวจหาสารพันธุกรรม
หรือที่เราเรียกว่า “นิติวิทยาศาสตร์” ได้มีบทบาทในการมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก
อีกทั้งกล้องวงจรปิดตามสถานที่สำคัญต่างๆ
จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการมัดตัวส่งฟ้องศาล
หากผู้หลงผิดยังคงก่อเหตุไม่ยอมหันหลังให้กับขบวนการไม่วันใดก็วันหนึ่ง
“ประตูเรือนจำ” พร้อมเปิดอ้าต้อนรับคนชั่วได้เข้าไปชดใช้เวรกรรมอย่างเช่น
“นายอับดูลเลาะ ปูลา” กับคำพิพากษาของศาล“จำคุกตลอดชีวิต”หมดสิ้นอิสรภาพ...
--------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น