10/09/2558

พฤติกรรมชั่วโจรใต้ฟาตอนี...มุ่งทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์

พฤติกรรมชั่วโจรใต้ฟาตอนี...มุ่งทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์
แบดิง โกตาบารู

 รัฐบาลไทยภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีท่านปัจจุบัน ได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาไฟใต้ ได้ขับเคลื่อนเร่งผลักดันเดินหน้าในการพูดคุยสันติสุขกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ซึ่งมีกลุ่มขบวนการ BRN เป็นหัวเรือในการพูดคุย แต่มาคราวนี้ได้มีการรวมกลุ่มขึ้นมาพูดคุยกับรัฐบาลไทย ภายใต้ชื่อว่า มารา ปาตานี หรืออีกชื่อหนึ่งคือ สภาซูรอแห่งปาตานี เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐจำนวน 6 กลุ่มด้วยกัน ประกอบด้วย กลุ่มบีอาร์เอ็น, กลุ่มบีไอพีพี, กลุ่มเจ็มเอ็มไอพี และพูโล 3 กลุ่มย่อย คือ พูโลกลุ่มอาวุโส พูโลเก่า นำโดย นายซัมซูดิง คาน และ พูโลใหม่ นำโดย นายกัสตูรี มาห์โกตา

มารา ปาตานี ได้มีความเห็นพ้องร่วมกันในการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง และความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับรัฐบาลไทย ภายใต้การอำนวยความสะดวกของรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งในการพูดคุยสัญญาณสันติสุขเริ่มดีขึ้นตามลำดับ จากภาพลางๆ ขมุกขมัว เริ่มเห็นความชัดเจนขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งที่สะสมมานานนับสิบปี

แต่ในอีกมิติหนึ่งขณะที่การพูดคุยสันติสุขกำลังเข้มข้นและตั้งท่าจะไปได้ดี แต่สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้กลับคุกกรุ่นไปด้วยเสียงปืน เสียงระเบิด และกลิ่นคาวเลือด เจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งเป้าหมายอ่อนแอยังคงตกเป็นเป้าการโจมตีของกลุ่มขบวนการโจรใต้ฟาตอนีอย่างต่อเนื่อง

เหตุร้ายรายวันที่ยังคงเกิดขึ้นเป็นปัญหาในระดับต้นๆ ที่การพูดคุยในเวทีแก้ปัญหาความขัดแย้งจะต้องให้ความสำคัญเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ผู้เขียนขอหยิบยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมาซึ่งเมื่อมีการสืบสวนและพิสูจน์หลักฐานชี้ชัดแล้วว่า เกิดจากการกระทำของกลุ่มกระบวนการอย่างชัดเจน
เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อ 26 ก.ย.58 คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงใส่รถบรรทุกสินค้า บริษัทสุรีย์ ทรานสปอร์ต ขณะวิ่งอยู่บนถนนสายปัตตานี-หาดใหญ่ ในพื้นที่ ม.4 ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทำให้นายดุลย์ พันธุ์ช่วง พนักงานขับรถได้รับบาดเจ็บกระสุนเข้าบริเวณหน้าท้อง
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บรวบรวมปลอกกกระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 (5.56 มม.) จำนวน 16 ปลอก ส่งพิสูจน์หลักฐานหาความเชื่อมโยงของคดี

ผลการตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนปืนของกลางทั้งหมด พบว่าใช้ยิงมาจากปืนกระบอกเดียวกัน และปืนกระบอกดังกล่าวคนร้ายเคยใช้ก่อเหตุยิงฐานปฏิบัติการทหารพราน ร้อย ทพ.2212 ในพื้นที่ ม.2 ต.กะโด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อ 28 พ.ค.58
เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อ 30 ก.ย.58 คนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม และปืนพก ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยตระเวนชายแดนสังกัด ชฝต.4414 เสียชีวิต จำนวน 2 นาย เหตุเกิดในพื้นที่ บ.ตะเหลี่ยง ม.4 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ

หลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว คือ นายมูหามะซาเฟียน มะสะ ราษฎรบ้านจาแบปะ ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ นำตัวมาทำการซักถาม
ผลการซักถาม นายมูหามะซาเฟียน มะสะ ให้การยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนเสียชีวิต 2 นาย โดยได้รับการบงการจากระดับแกนนำให้ตนเองโทรศัพท์ลวงผู้เสียชีวิตให้ออกจากฐาน และให้กลุ่มแนวร่วมใช้อาวุธปืนสงคราม และปืนพก กระหน่ำยิงจนถึงแก่ชีวิต และยังเปิดเผยอีกว่าตนเองมีส่วนร่วมโจมตีฐานปฏิบัติการตำรวจน้ำ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 20 ต.ค.55
เหตุการณ์ที่ 3 เมื่อ 3 ต.ค.58 คนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะใช้อาวุธปืนเอเค 47 ทำการยิงนายเซะ ยูนุ๊ บิดาของนายอับดุลเลาะ ยูนุ๊ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา คดีความมั่นคงเสียชีวิต 

ผลการตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุน คนร้ายใช้อาวุธปืนเอเค 47 จำนวน 2 กระบอกด้วยกันยิงนายเซะ ยูนุ๊ ซึ่งอาวุธปืนหนึ่งในสองกระบอกนั้นทำการตรวจสอบพบปลอกกระสุนมีประวัติในสารบบเคยใช้ทำการก่อเหตุ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.57 จากกรณีเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.15131 ได้ทำการปิดล้อมบนภูเขาเมาะแต ในพื้นที่บ้านกือเล็งตก ม.4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และได้เกิดปะทะกับกลุ่ม ผกร.
เหตุการณ์ที่ 4 เมื่อ 4 ต.ค.58 เหตุคนร้ายยิง ส.อ.มูหะหมัด สีละ อายุ 30 ปี สังกัดหน่วยข่าวกรองทางทหาร กองพลทหารราบที่ 15 เสียชีวิต ก่อนหลบหนีคนร้ายรื้อค้นเอาอาวุธปืนสงครามและปืนพกประจำกายผู้เสียชีวิตไปด้วย เหตุเกิดในพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านบือแนนากอ ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา

เบื้องต้นคาดว่าเป็นฝีมือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบต้องการสร้างสถานการณ์เป็นฝีมือของกลุ่ม ผกร.กลุ่มเดียวกันที่เคยก่อเหตุยิงถล่มรถเก๋งของทหารชุดปฏิบัติการหมวดปืนเล็ก ร้อย ร.15221 หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 12
เหตุการณ์ที่ 5 เมื่อ 5 ต.ค.58 กลุ่ม ผกร. ทำการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ.4212 ฉก.ทพ.42 บริเวณบ้านหนองแรด ต.หนองแรด อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี บาดเจ็บ จำนวน 4 นาย โดย ผกร.หวังใช้วิธีการจุดระเบิด และเข้าทำการยิงซ้ำเพื่อแย่งชิงอาวุธประจำกายแต่ไร้ผล
เหตุการณ์ที่ 6 เมื่อวันที่ 6 ต.ค.58 เหตุคนร้ายยิง นายสุขฑา บากา อายุ 31 ปี เสียชีวิตจมกองเลือดข้างรถจักรยานยนต์ของตัวเอง เหตุเกิดในพื้นที่บ้านเตียง บ้านย่อยของบ้านลือเน็ง หมู่ 2 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา

จากการตรวจสอบพบว่า นายสุขฑาฯ เคยต้องคดีความมั่นคงในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา และได้เข้ารายงานตัวแสดงตนเพื่อความบริสุทธิ์ใจกับ ศูนย์ยะลาสันติสุข” (Yala Peace Outreach Center : YPOC) ของจังหวัดยะลา โดยในขณะนั้นมีนายเดชรัฐ สิมศิริ เป็น ผวจ.ยะลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ร่วมเป็นสักขีพยานในการรายงานตัว เมื่อวันที่ 31 มี.ค.55และได้รับการประกันตัวโดย ผู้นำสี่เสาหลักกลับไปใช้ชีวิตตามปกติกับครอบครัวและถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต
เหตุการณ์ที่ 7 เมื่อ 8 ต.ค.58 เวลา เหตุคนร้ายประกบยิงนายซุ่ยบี้ ชูช่วยคำ อายุ 79 ปี และ นางนวลศรี ณ ตะกั่วป่า เสียชีวิต 2 รายอย่างเหี้ยมโหด ขณะขับรถยนต์ ไดฮัทสุ รุ่นมิร่า สีเขียวทะเบียน บง 2245 ปัตตานี เพื่อไปขายอาหารสด (เนื้อหมู) ในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เหตุเกิดบริเวณสะพานฮูแตบองอ ม.6 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

เหตุการณ์อีกหลายเหตุที่ผู้เขียนไม่ได้หยิบยกขึ้นมาสื่อ หลายๆ เหตุการณ์เป็นคดีอาชญากรรม ที่เกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว ขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ที่มักลงเอยด้วยการตัดสินปัญหาด้วยการเข่นฆ่าลอบทำร้ายกัน และมักฉวยโอกาสสร้างความเนียนให้เป็นเรื่องของความมั่นคง

เหตุการณ์ข้างต้นมีผู้ที่เสียชีวิตจากการถูกคนร้ายลอบยิงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการ ไม่ว่าจะเป็นพ่อของสมาชิก ผกร.ซึ่งมีหมาย ป.วิอาญา หรืออดีตแนวร่วมที่เข้ารายงานตัวแสดงตนกับทางราชการถูกลอบยิงจนเสียชีวิต และในเวลาต่อมาพบว่า กลุ่มขบวนการ ผกร. มีการใช้สื่อทำการโฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือนข้อเท็จจริงกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ได้สร้างความเสื่อมเสีย และความเข้าใจที่ผิดๆ ให้กับประชาชน แต่สุดท้ายเมื่อมีการตรวจพิสูจน์หลักฐานได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นฝีมือของกลุ่ม ผกร. 

ผู้เขียนนำเหตุการณ์มาสื่อซ้ำมิได้ตั้งใจเพื่อซ้ำเติมปัญหาและทำการขยายผลเพื่อสื่อถึงความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น แต่เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมชั่วช้าของกลุ่มขบวนการโจรใต้ที่ยังคงมุ่งทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างไร้ความปราณี และไร้ซึ่งอุดมการณ์ แต่กลับไม่มีความรับผิดชอบ แต่เป็นที่น่ายินดีในปัจจุบันนี้ประชาชนต่างรู้เท่าทันไม่ตกเป็นเครื่องมือของโจรใต้เหล่านี้ และเอือมระอาต่อการกระทำของขบวนการโจรใต้ฟาตอนีเต็มกลืน...ผู้คนส่วนใหญ่ต้องการอยู่อย่างสงบสุข อยากได้สันติสุขกลับคืนมาสู่พื้นที่แห่งนี้ในเร็ววัน...มีเพียงกลุ่มคนน้อยนิดที่ยังสร้างความปั่นป่วนให้คนส่วนใหญ่ต้องได้รับความเดือดร้อน....

-------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น