กะกันดา
เมื่อวันที่
9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มูลนิธิผสานวัฒนธรรม, กลุ่มด้วยใจ,
เครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี และ
เครือข่ายผู้หญิงยุติความรุนแรงแสวงสันติภาพ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกันออกแถลงการณ์
การรายงานข่าวไม่ใช่อาชญากรรม และขอให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ถอนแจ้งความสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์
สืบเนื่องมาจาก
เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ รายงานข่าวชาวบ้านแฉถูกซ้อมทรมาน ซึ่งได้เผยแพร่เมื่อวันที่
5
กุมภาพันธ์ 2561 ทางเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์นั้น
ในเวลาต่อมาหน่วยงานความมั่นคงได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างความเสื่อมเสีย
และสร้างความเสียหายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการเอาผิดต่อผู้ที่นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค
4 ได้มอบอำนาจให้ พ.อ.หาญพล เพชรม่วง
ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 และทนายความ เป็นผู้แทนร้องโทษกล่าวทุกข์
เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อบรรณาธิการผู้จัดการออนไลน์ตามที่ได้เป็นข่าวและในเวลาต่อมาได้มีกระแส
4
องค์กรร้อง กอ.รมน.ให้ถอนแจ้งความดังกล่าว ชี้เป็นการสะท้อนข้อเท็จจริงจากประชาชน
หากรื้อฟื้นคดีเก่าๆ
ที่หน่วยงานความมั่นคงมีการฟ้องร้องเอาผิดต่อผู้ที่นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นั้น กอ.รน.ภาค 4
สน. เคยดำเนินคดีฟ้อง 3นักสิทธิฯ (นายสมชาย หอมลออ ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน,
น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และ น.ส.อัญชนา หีมมีหน๊ะ
ประธานกลุ่มด้วยใจ) มาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งในครั้งนั้นมีการรายงานข้อมูลสถานการณ์ซ้อมทรมาน
เมื่อปี 57-58 อันเป็นเท็จ อีกทั้งได้มีการรายงานสู่เวทีสาธารณะ
และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความเสียหายให้กับหน่วยงานความมั่นคง
แต่ในเวลาต่อมาได้มีการถอนฟ้อง 3 นักสิทธิ
เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการพูดคุยสันติสุข
อีกทั้งให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการช่วยกันแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กลับมาสงบสุข
แต่หลังจากหน่วยงานความมั่นคงถอนฟ้องแล้ว ผู้ที่เรียกตนเองว่านักสิทธิไม่เคยที่จะเคลื่อนไหวสนับสนุนแนวทางสันติสุขแต่อย่างใด
หนำซ้ำกลับเคลื่อนไหวด้อยค่าการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่รัฐ
ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐ
จึงไม่แปลกใจและเกินความคาดหมายสักเท่าไหร่ต่อกรณี
กอ.รมน.ภาค 4 สน. แจ้งความดำเนินคดีต่อสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์ ว่านักสิทธิฯ
หน้าเดิมๆ จะออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม, กลุ่มด้วยใจ, เครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี
และเครือข่ายผู้หญิงยุติความรุนแรงแสวงสันติภาพ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ได้ออกมากดดันให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ถอนแจ้งความ “ผู้จัดการออนไลน์”
เมื่อส่องพฤติกรรมของนักสิทธิฯ ที่ไม่เคยมีความละอายแก่ใจและสำนึก
ตลอดจนสื่อกระแสหลัก หรือแม้กระทั่งสื่อทางเลือกหลายๆ
สำนักมีการนำเสนอข่าวสารที่บิดเบือน สร้างความแตกแยก
ตลอดจนการปลุกระดมให้มีการเกลียดชังหน่วยงานภาครัฐ
ซึ่งหากปล่อยปะละเลยให้มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเช่นนี้ต่อไป
จะนำมาสู่ภัยอันตรายต่อความมั่นคง ความสงบสุขของประชาชนเป็นส่วนรวม
การฟ้องร้องดำเนินคดีสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์ เป็นการดำเนินการเพื่อเตือนสติให้ระลึกถึงจรรยาบรรณของความเป็นสื่อที่ดีและป้องปราม
การนำเสนอข่าวสารที่ไร้การตรวจสอบ ไร้ข้อเท็จจริง และไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับสำนักสื่ออื่นๆ
ในอนาคต
การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ
เป็นการจงใจสร้างความเสื่อมเสียให้หน่วยงานความมั่นคงในสายตาประชาชน
และจะเป็นเงื่อนไขต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
อีกทั้งเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการพูดคุยสันติสุขที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่กับกลุ่มคิดต่างและขบวนการ
ซึ่งการกระทำดังกล่าวเคยเกิดขึ้นซ้ำๆ
มีการแจ้งเตือนให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสียแต่สื่อและองค์กรกลับเพิกเฉย จึงขอให้สื่อและนักสิทธิมนุษยชนทำหน้าที่ให้มีคุณธรรม
จริยธรรม และมีจรรยาบรรณในอาชีพของตนเอง และมิได้ลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่สะท้อนข้อเท็จจริงแต่ประการใด
จึงขอเรียกร้องไปยังสื่อและนักสิทธิฯ ดังนี้.-
1.
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุผลต่อการฟ้องร้องเอาผิด
ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้นสามารถตรวจสอบได้ ไม่ควรใช้0สื่อหรือความเป็นนักสิทธิฯ
กระทำตัวอยู่เหนือกฎหมายร่วมกันสร้างกระแส กดดันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
2.
สื่อมวลชนจะต้องมีจรรยาบรรณ
ทำหน้าที่สะท้อนข้อเท็จจริง ที่อยู่ในพื้นฐานแห่งความจริง
มีการตรวจสอบความถูกต้องก่อนเผยแพร่สู่สาธารณชน มิใช่ใช้ความเป็นสื่อชี้นำสังคมให้เกิดความเข้าใจผิด
สร้างความเกลียดชัง โดยไร้สำนึกความรับผิดชอบชั่วดี เมื่อกระทำความผิดก็ควรยอมรับผิดและแก้ไขให้ดีขึ้น
และจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันไม่มีการละเว้นแม้กระทั่งสื่อและนักสิทธิฯ เมื่อกระทำความผิด
3.
กฎหมายมีไว้บังคับใช้ ให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตาม
หากกฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีความยุติธรรม ความไม่เท่าเทียม
และเลือกปฏิบัติ ความอยุติธรรมก็จะบังเกิดขึ้น
เมื่อนั้นกฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ได้อีกต่อไป
4.
การแจ้งความเอาผิดต่อสำนักนักสื่อผู้จัดการออนไลน์
จะเป็นบรรทัดฐานและไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่สำนักสื่ออื่นๆ ในอนาคต
เพราะการกระทำและพฤติการณ์ดังกล่าวได้สร้างความเสียหายแก่ทางราชการ
อีกทั้งจะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหา จชต. ในภาพรวม
เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้มีการกระทำในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก กอ.รมน.ภาค 4 สน.
จึงมีความจำเป็นจะต้องฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อเอาผิดตามกฎหมายต่อ สำนักสื่อผู้จัดการออนไลน์ต่อไป
ท้ายสุดนี้ขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่องพฤติกรรมของสื่อ
และองค์กรภาคประชาสังคมตลอดจนนักวิชาการ (แนวร่วมอาชญากรใต้) ได้กระทำหน้าที่ตามบทบาท
และจรรยาบรรณต่ออาชีพของตนเองหรือไม่?
อีกทั้งขอให้เสพข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติและข้อมูลรอบด้าน หากข้อมูลใดที่สงสัยว่ามีการบิดเบือนความจริง
ให้ทำการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง หยุดการส่งต่อ หยุดแชร์
มิเช่นนั้นท่านจะตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีโดยไม่รู้ตัว.
----------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น