"กะ กันดา"
สถานการณ์ไฟใต้นับตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ปี
2561 ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำลายความสงบสุขของผู้คนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้การก่อเหตุจะลดน้อยลงแต่การก่อเหตุแต่ละครั้งได้สร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินให้กับคนไทยพุทธและไทยมุสลิม
กลางเดือนมกราคมเกิดเหตุ จยย.บอมบ์ตลาดสดเมืองยะลา การวางระเบิดชุดคุ้มครองครูหน้าโรงเรียนบ้านซีเยาะ
ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา ต่อด้วยการวางระเบิด 10 กว่าจุดใน 3 อำเภอของ จ.ปัตตานี
และวางเพลิงเผาบ้านของชาวไทยพุทธที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นถึงแม้ว่ากลุ่มอาชญากรโจรใต้ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ
ต่อสิ่งที่ได้ก่อขึ้น แต่จุดมุ่งหมายเป็นการทำลายเทศกาลแห่ง "ความสุข" ของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเฉลิมฉลองช่วง "เทศกาลปีใหม่ "สากล"
เทศกาลวาเลนไทน์ " ของฝรั่ง ต่อด้วย "เทศกาลปีใหม่จีน" หรือ "ตรุษจีน"
ของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ต้องตกเป็น "เหยื่อ"
การก่อเหตุของกลุ่มอาชญากรโจรใต้ด้วยการวางระเบิดชุดคุ้มครองครูหน้าโรงเรียนบ้านซีเยาะ
ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา
และการก่อเหตุ 10 กว่าจุดในพื้นที่ จ.ปัตตานี หนึ่งในนั้นเป็นการลอบวางระเบิดป้ายหน้าโรงเรียนยะหริ่ง
ต.ยามู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ล่าสุดกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านถือโอกาสวางระเบิดแสวงเครื่องชุดคุ้มครองตำบล
หรือ ชคต. ที่ทำหน้าที่คุ้มครองครูที่โรงเรียนบันนังสาเรง อ.เมือง จ.ยะลา
เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย นักเรียนบาดเจ็บ 3 ราย
ทั้ง 3
เหตุการณ์ที่กล่าวมาเป็นการก่อเหตุใกล้ๆ สถานศึกษา ซึ่งมีผลกระทบต่อเด็กและบุคลากรครู
การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นที่น่าสังเกตว่าเป็นความจงใจของกลุ่มอาชญากรโจรใต้ที่ต้องการทำลายความเชื่อมั่น
และความชอบธรรมต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของ NGOs ที่พยายามขัดขวางทุกรูปแบบไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปทำกิจกรรมในสถานศึกษา
โดยเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2561 กลุ่มด้วยใจ, มูลนิธินูซันตารอเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา,
สมาคมฟ้าใสส่งเสริมสุขภาวะเด็กและเยาวชนชายแดนใต้ และ Selatan Nature ได้ยื่นหนังสือร้องเรียน การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหารในตาดีกาเป็นการ
"ละเมิดสิทธิ์" อาจทำให้เด็กตกเป็นเป้าความรุนแรงต่อ กอ.รมน.ภาค 4 สน. สำเนาถึง
ผบ.ฉก.ปัตตานี และ เลขาธิการ ศอ.บต.
หากจะมองนัยการเคลื่อนไหวของ
NGOs ซึ่งสอดคล้องกับการก่อเหตุของกลุ่มอาชญากรโจรใต้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "สอดรับ " กันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย ช่างเหมาะเจาะอะไรปานนี้
หรือแค่เป็นเหตุบังเอิญ จึงไม่น่าแปลกใจที่เครือข่าย NGOs ดังกล่าวร่วมกันยื่นหนังสือร้องเรียนเพราะการเคลื่อนไหวที่ผ่านมามักจะต่อต้านการปฏิบัติงานของรัฐอยู่ตลอดเวลา
การที่เจ้าหน้าที่ทหารเข้า "ตาดีกา" และ[สถาบัน] "ปอเนาะ" เป็นผลสืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ก่อความรุนแรงใช้โรงเรียนเป็นแหล่งบ่มเพาะเด็ก
เป็นแหล่งซ่อนอาวุธ และใช้เป็นสถานที่ประกอบระเบิด ถามว่าใคร? เสียผลประโยชน์ เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปทำกิจกรรมในโรงเรียนเป้าหมายของกลุ่มขบวนการ
การทำกิจกรรมของเจ้าหน้าที่ทหารใน
"ตาดีกา" และ[สถาบัน] "ปอเนาะ" ในลักษณะเช่นนี้มีมานานเป็น 10
ปีแล้ว ถามใจเครือข่าย NGOs ที่ร่วมกันยื่นหนังสือร้องเรียน
จุดประสงค์คืออะไร? ต้องการให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้โรงเรียนเหล่านี้เป็นแหล่งบ่มเพาะเด็ก
เป็นแหล่งซุกซ่อนอาวุธ และใช้เป็นสถานที่ประกอบระเบิด
ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ทำลายชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ใช่หรือไม่?
เครือข่าย
NGOs ที่นำโดยนางสาวอัญชนา
หีมมิหน๊ะ She เป็นผู้ก่อตั้ง "กลุ่มด้วยใจโจรใต้"
เอาเวลาว่างไปเรียกร้องกลุ่มอาชญากรให้เลิกทำการก่อเหตุเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์
ลอบทำร้ายเด็กและบุคลากรทางการศึกษาดีกว่ามั๊ย!! หรือ She
เป็นปากเป็นเสียงให้กับกลุ่มอาชญากร ต้องทำหน้าที่ต่อต้านการปฏิบัติของรัฐให้ถึงที่สุดและเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ขอเถอะ!! อย่าเอาเลือดเอาเนื้อของผู้บริสุทธิ์สังเวยความอยาก
ความทะเยอทยานของใคร? บางคนอีกเลย ได้เด่นดีมีตังค์เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นว่าเล่นอยู่ในทุกวันนี้
อย่าปฏิเสธเลยว่าไม่ได้ใช้วิธีเหยียบย่ำศพแล้วศพเล่าของผู้สูญเสียเพื่อไต่เต้าให้ถึงจุดหมาย..
เชื่อเหลือเกินว่ายังมี NGOs ดีๆ ที่ทำตัวเป็น "สุนัขเฝ้าบ้าน"
ผู้จงรักภักดีในหน้าที่ และประเทศชาติ ไม่ยอมเปลี่ยนสภาพเป็น "สุนัขรับใช้ขบวนการ" เพื่อหวังเสพสุข
โดยการละทิ้งหน้าที่และจรรยาบรรณของการเป็น "นักสิทธิ" ยังคงหลงเหลืออยู่ในพื้นที่
จชต.แห่งนี้...
----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น