"ก๊ะเจ๊าะแจ๊ะ "
ฝันเปียก (Nocturnal Emissions) เกิดขึ้นได้ในขณะที่วัยรุ่นนอนหลับและสมองถูกสั่งให้จินตนาการหรือฝันถึงเรื่อง
sex ที่หมกมุ่นในสมองจากมโนของตนเอง ทำให้เกิดการบีบรัดตัวของกล้ามเนื้อรอบถุงที่เก็บน้ำอสุจิทำให้น้ำอสุจิเคลื่อนตัวออกมานอกร่างกาย
ออกมาการเคลื่อนไหวอย่างถี่ยิบและเปิดหน้ามากขึ้น
สำหรับสหพันธ์นิสิต นักศึกษา นักเรียนและเยาวชนปัตตานี หรือกลุ่ม PerMAS ที่ต้องการให้นานาชาติสนับสนุนการแยกดินแดน
โดยถือเอา การกำหนดใจตนเอง (Self-determination) เป็นสรณะ ทั้งที่ไม่มีหนทางที่จะกระทำได้ ลองดูที่มาของการฝันเปียกของกลุ่ม
PerMAS ว่าเกิดจากอะไร
มโนว่าตัวตนและบทบาทได้รับการยอมรับ เพราะปัจจุบันประชาชนไม่เห็นด้วยกับวิธีการเคลื่อนไหวของกลุ่ม
ที่ชุมนุมประท้วงสร้างความวุ่นวาย สนับสนุนการก่อเหตุรุนแรง
ความด้อยวุฒิภาวะของสมาชิกกลุ่มและการเคลื่อนไหวของแกนนำที่บางครั้งสุ่มเสี่ยงต่อการ
กระทำผิดกฎหมาย ขณะที่กลุ่มนักวิชาการและที่ปรึกษาระดับปัญญาชนและแหล่งทุนต่างๆที่สนับสนุนทั้งในรูปของทุนและคำปรึกษา
ก็เริ่มถอยห่าง ถึงกับต้องหันมาอาศัยแหล่งทุนในมหาลัย และอาศัยการสนับสนุนโดยการขยายฐานองค์กรแนวร่วมต่างๆ
นอกพื้นที่ แถมยังมีปัญหาไม่ลงรอยกันเองของผู้นำที่ต่างรุ่นกัน
มโนว่าได้ขยายฐานแนวร่วม ไปยังสถานศึกษาทั่วประเทศ เพื่ออาศัยพลังบริสุทธิ์ของนักศึกษาในมหาลัยอื่น
ขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายของตน เช่น ในช่วงนี้ก็เกาะกระแสคนอยากเลือกตั้ง
แต่เบื้องหลังอยากแยกดินแดน หากวิเคราะห์ดูจากพฤติกรรม ลักษณะการสื่อสารสาธารณะ
และข้อเรียกร้องจะเห็นข้อแตกต่างชัดเจน เพราะกลุ่มนักศึกษาทั่วไปจะสื่อสารตรงๆ
เด็ดขาด ไม่รอมชอมพร้อมแสดงความรับผิดชอบ เช่น “อยากเลือกตั้ง” แต่กลุ่ม PerMAS กลับอาศัยรูปของของนายมะรอโซ
ที่ตายเพราะเข้าโจมตีฐานททหาร โดยสวมเสื้อเกราะและแต่งกายให้กลมกลืนกับความมืด เป็นกองกำลังปาตานีว่ามีอยู่จริง
หรือ อาศัยเหตุการณ์ล้างแค้นกันเองของครอบครัว
เจ๊ะมุ มะมัน อ้างเป็นวันมนุษยธรรม ล่าสุดโหนกระแสเหตุระเบิดที่ตลาดพิมลชัย
ยะลา ชูป้ายปกป้องสิทธิพลเมืองแต่แอบสอดแทรกวาทกรรม เช่น คู่สงคราม
หาประโยชน์จากเหตุการณ์ที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิด มันต่างกันอย่างชัดเจนระหว่าง ความจริงใจ
กับ การตลบตะแลง (deceitfully) มันไปด้วยกันไม่ได้
มโนว่าวาทกรรมที่ส่งออกไป ถูกอกถูกใจและคนทั่วไปยอมรับ นำคำต่างๆ ที่ใช้ในกฎหมาย กฎ
กติการะหว่างประเทศมาใช้เพื่อให้เข้าใกล้เงื่อนไขการเข้าแทรกแซงจาก IGOs และนานาชาติมากขึ้น เช่นคำว่า คู่สงคราม
การละเมิดสิทธิมนุษยชน ฯลฯ ซ้ำๆ วนไป
จนตนเองก็หลงเชื่อ ทั้งที่สถานการณ์และเงื่อนไขต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ได้สวนทางกับวาทกรรมที่กล่าวอ้าง และยิ่งห่างไกลจากเป้าหมายของกลุ่มออกไปเรื่อยๆ
ฝันว่าได้สิทธิในการกำหนดใจตนเอง (Self-determination) ทั้งที่ไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ผ่านมาได้บัญญัติการออกเสียงประชามติไว้ว่า “ต้องเป็นเรื่องที่กระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและของประชาชนส่วนใหญ่
จึงจะให้มีการออกเสียงประชามติ” อีกทั้งประเทศไทย ได้ทำข้อสงวนสิทธิ ในการกำหนดใจตนเองโดย “มิให้ตีความว่าอนุญาตหรือสนับสนุนการกระทำใดๆ
ที่จะเป็นการแบ่งแยก หรือ ทำลายบูรณภาพแห่งดินแดน หรือ เอกภาพทางการเมืองของรัฐ เอกราชอธิปไตย ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน” ซึ่งก็สอดคล้องกับอนุสัญญาของสหประชาชาติ
ที่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ก็ได้กำหนดขอบเขตของสิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง
ในแง่ที่สามารถทำให้เป็นจริงได้ ภายใต้กรอบของรัฐที่ดำรงอยู่
ซึ่งจะเห็นได้จาก แถลงการณ์ ว่าด้วยความสัมพันธ์ฉันมิตร
และแถลงการณ์เวียนนา ซึ่งได้ระบุสิทธิในการกำหนดใจตนเองไว้ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งประเด็นนี้ PerMAS ก็ได้นำเอาเนื้อหาแต่เพียงบางส่วน ไปปลุกระดม จัดเวทีเสวนาสร้างมโนตอกย้ำความเชื่อของตน
และแพร่เชื้อให้คนอื่นเสมอ
ในประเด็นการกำหนดใจตนเองนั้น ไม่ได้มีช่องทาง อันเกิดจากข้อแตกต่างจากการตีความ
หรือว่าเป็นข้อขัดแย้งในแง่กฎหมายที่เป็นปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่ PerMAS ได้นำเอากฎกติการะหว่างประเทศ มาทำการเคลื่อนไหว
เพื่อประโยชน์ของตนเอง โดยไม่ได้กล่าวถึงข้อแถลงตีความหรือข้อสงวนที่รัฐบาลไทยได้กระทำไว้ต่างหาก
อีกทั้งรัฐธรรมนูญของไทย ก็ไม่เคยเปิดช่องให้มีการทำประชามติในเรื่องปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
เท่ากับว่ากระบวนการที่จะนำไปสู่การกำหนดใจตนเองของ PerMAS ในประเทศไทยนั้น ไม่สามารถกระทำได้ ไม่ว่าจะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
หรือพื้นที่อื่นใดของไทย ความฝันของ PerMAS
ในการกำหนดใจตนเองนั้นมันก็แค่.....ทำให้เปื้อนที่นอนแค่นั้นเอง!!!
- - - - - - - - - - - - -
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น