เมื่อ 14 พ.ย.57 เวลา 03.30 น. เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ได้สนธิกำลังติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายในพื้นที่บ้านโคกโหนด
หมู่ที่ 3 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการจับกุมตัวนายรุสดี
แบรอสะแม ได้ใช้อาวุธปืนพกยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนทำให้เกิดการปะทะกันขึ้น
เมื่อเหตุการณ์สงบเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบมีผู้เสียชีวิต
2 ราย คือนายรุสดี แบรอสะแม เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับหัวหน้า Platong เป็นบุคคลเป้าหมายที่ทางการต้องการตัว เนื่องจากมีหมายจับ ป.วิ.อาญา จำนวน
11 หมาย และนายอับดุลเราะห์มาน เจ๊ะเต็ง
ซึ่งมีหมายจับสะสมในคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนใต้ถึง 42 หมายด้วยกัน
และจับผู้ต้องสงสัยได้จำนวน 5 ราย พร้อมยึดอาวุธปืนปืนพกได้จำนวน 2 กระบอก
โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง เครื่องกระสุนและอุปกรณ์อื่น ๆ อีกหลายรายการ
ที่มาของการปะทะ
จากผลการซักถาม นายมะซาบือรี เจ๊ะบู
ถูกจับกุมเมื่อ 17 ตุลาคม 2557 ระบุว่า ปัจจุบันนายรุสลี แบรอสะแม
คาดว่าจะได้ขึ้นมาเป็น หัวหน้าคอมปี และ ยังให้ข้อมูลของนายรุสลีฯ
เกี่ยวกับสถานที่พักพิง สถานที่หลบซ่อนตัว รวมทั้งบ้านภรรยา และพฤติกรรมต่างๆ
ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่นำมาประกอบกับข้อมูล และข่าวกรองอื่นๆ
มาวิเคราะห์ใช้ประโยชน์เป็นฐานข้อมูลติดตามความเคลื่อนไหว
จนกระทั่งเมื่อ 13
พฤศจิกายน 2557 ได้รับทราบจากแหล่งข่าวว่าพบความเคลื่อนไหวของนายรุสลีฯ
ในพื้นที่บ้านโคกโหนด ตำบลคอลอตันหยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
จึงได้วางแผนเตรียมการเข้าติดตามจับกุม
ลำดับเหตุการณ์ในการติดตามจับกุม
เมื่อ 14 พฤศจิกายน 2557 เวลา 03.30 น. เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังเข้าติดตามจับกุมตัวนายรุสลีฯ
บ้านเป้าหมาย ณ บ้านไม่มีเลขที่ ในพื้นที่บ้านโคกโหนด ตำบลคอลอตันหยง ซึ่งการปฏิบัติการในครั้งนี้ มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงไปควบคุมดูแลด้วยตนเอง
พร้อมทั้งสั่งเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ระมัดระวังกฎของการใช้กำลัง จะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด
การปฏิบัติ เมื่อถึงที่หมายเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัว
พร้อมทั้งได้เชิญผู้นำท้องถิ่น, ผู้นำศาสนา ร่วมเจรจาให้บุคคลเป้าหมายออกมามอบตัว
ปรากฏว่ามีผู้ที่ออกมาจากบ้านเป้าหมาย เป็นผู้ชายจำนวน 5 คน ออกมามอบตัว
แต่ไร้เงานายรุสลี แบรอสะแม
แต่หลังจากนั้นสิ่งที่ทุกคนไม่ได้คาดคิดได้เกิดขึ้น บุคคลที่อยู่ภายในบ้านได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่หลายนัด เจ้าหน้าที่จึงให้ผู้ที่ออกมามอบตัวก่อนหน้านี้
เข้าไปพูดจาเชิญชวนผู้ที่อยู่ภายในบ้านให้ยอมวางอาวุธ และออกมามอบตัวแต่โดยดี
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะรับรองความปลอดภัย แต่ผลการเจรจา ผู้ที่เข้าไปเชิญชวนภายในบ้านกลับออกมาแจ้งว่า
บุคคลทั้งสองจะไม่ขอยอมมอบตัว และจะขอต่อสู้ต่อไป
เจ้าหน้าที่จึงได้กันผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสำหรับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง โดยการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยให้
โดยเฉพาะบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านเป้าหมาย ให้พ้นจากระยะการยิงของอาวุธปืนของทั้งสองฝ่าย
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้การยิงเครื่องยิงแก๊สน้ำตา
เข้าไปยังบ้านเป้าหมาย เพื่อต้องการให้ผู้ที่อยู่ภายในบ้านออกมาภายนอก แต่ก็ไร้ผล
มีการใช้วิธีการเจรจาอีกรอบ เพื่อเชิญชวนให้ยินยอมออกมามอบตัวโดยทันที
มิฉะนั้นจะใช้กำลังเข้าไปติดตามจับกุม โดยขอให้ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 เป็นผู้เจรจา และชักชวน
ผลลัพธ์ผู้ที่อยู่ภายในบ้านไม่ตอบรับ และยังใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง
การดำเนินการขั้นสุดท้าย
เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังชุดพิเศษ
บุกเข้าไปจับกุมตัวบุคคลเป้าหมายภายในบ้าน ซึ่งจากผลการปฏิบัติ
ในระหว่างการเข้าไปจับกุมตัว ได้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ผลการปะทะทำให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต
จำนวน 2 ราย ซึ่งเมื่อมีการตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ก่อเหตุระดับ หัวหน้าคอมปี และรือกู
ซึ่งบุคคลทั้ง 2 ราย มีหมายจับ ป.วิ.อาญา มากมายดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว
เมื่อเข้าทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พบอาวุธปืนพกจำนวน
2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง พร้อมวัสดุอุปกรณ์ต้องสงสัย จำนวนหลายการ
ผลจากการตรวจสอบที่มาของอาวุธปืนพก
พบว่าปืนพกขนาด .357 แย่งชิงจากเหตุลอบยิง นายสารัฐ แก้วนางโอ (นักการภารโรง มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา)
เสียชีวิต เหตุเกิดในพื้นที่ อำเภอแม่ลาน เมื่อ 24 ตุลาคม 2552
จากการปฏิบัติการติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายในครั้งนี้
นำไปสู่การสูญเสียชีวิตของ ผกร. ระดับแกนนำสั่งการ จำนวน 2 รายนั้น ผู้นำศาสนา และโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดบ้านโคกโตนด
และชาวบ้าน ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุมีความเข้าใจเรื่องราว
เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด
ซึ่งกระบวนการได้เป็นไปตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก และมีความพยายามจากเจ้าหน้าที่เกลี่ยกล่อมให้เป้าหมายออกมามอบตัวอยู่ตลอดเวลา
แต่ ผู้เสียชีวิตไม่ยินยอมที่จะมอบตัว ซึ่งผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 5 ราย เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี
และพร้อมเป็นพยานให้กับเจ้าหน้าที่กรณีเกิดการร้องเรียน
สำหรับการดำเนินการต่อผู้ต้องสงสัยที่มอบตัว
จำนวน 5 คน เจ้าหน้าที่ได้นำเข้าสู่กระบวนการซักถาม แต่เนื่องจากการตรวจสอบพบว่ายังเป็นเยาวชนอยู่
จำนวน 2 คน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปล่อยตัวไป สำหรับผู้ต้องสงสัยอีก 3 คน
ได้ควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกเพื่อทำการซักถาม เพื่อหาข้อมูลหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการหรือไม่อย่างไรต่อไป
ความคืบหน้าล่าสุดจากการซักถามขยายผลผู้ต้องสงสัยที่มอบตัวก่อนการปะทะ
1 ใน 3 คน คือ นายอารัลซู มามะ ตรวจสอบประวัติ พบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ หนีคดี
ป.วิ.อาญา คดีความมั่นคง และสืบทราบว่าจากการนัดรวมตัวกันในครั้งนี้เพื่อเตรียมการวางแผนในการก่อเหตุร้ายในพื้นที่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติต่อเป้าหมายโดยเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน
อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนใดๆ เลย
มีความพยายามไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่กลุ่มคนร้ายกลับใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่
แต่ยังให้โอกาสอีก 2-3 ครั้ง ที่ให้ยอมออกมามอบตัวแต่โดยดี
สุดท้ายคนร้ายทั้งสองกลับเลือกที่จะใช้ความรุนแรง หากเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงดั่งเช่นเครือข่ายกลุ่มองค์กรแนวร่วมได้ออกมาเคลื่อนไหวในการโฆษณาชวนเชื่อ
คิดว่าบุคคลทั้ง 5 ราย
ที่ออกมามอบตัวจะมีชีวิตรอดหรือ?..ทุกวันนี้การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร
ยังมีกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีพยายามบิดเบือนข้อมูล สร้างความปั่นป่วน
สร้างความแตกแยกอยู่ตลอดเวลา ขอให้..พี่น้องประชาชนปาตานีใช้วิจารณญาณ..แยกแยะ..จากการกระทำดังกล่าว
-----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น