โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์
อดีตผู้อำนวยการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ผู้เขียนแอบเชียร์ โดนัลด์ ทรัมป์
อยู่เงียบๆ ทั้งที่ไม่รู้จักชื่อเสียงประวัติของเขามาก่อน แต่รู้อย่างหนึ่งว่า หากฮิลลารี
คลินตัน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี นางคงบี้ไทยแบนติดดิน
นางและพวกคงข่มขู่ไทยสารพัด แม้ไทยจะปรับตัวเก่ง
แต่คงเหนื่อยกว่าหากต้องปรับตัวกับฮิลลารี นอกจากไทยแล้ว
คนที่ดีใจที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง คือ ประธาราธิบดีปูติน
แห่งรัสเซียนั่นเอง เพราะนโยบายของทรัมป์ที่ประกาศไว้ตอนหาเสียงไม่ได้มองรัสเซียและปูตินเป็นศัตรู
ตรงกันข้ามกลับเห็นว่าต้องคบกับปูตินไว้
เล่นเอาพรรคเดโมแครตและกลุ่มอำนาจที่เป็นมือที่มองไม่เห็น
หรือรัฐบาลล่องหนที่ชักใยคุมรัฐบาลอเมริกาที่ผ่านๆ มาไม่พอใจอย่างมาก
ถึงกับ “ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ”(คนละคนกับผู้อำนวยการซีไอเอ)ซึ่งตั้งขึ้นมาหลังเหตุการณ์ 9/11
ออกมาขู่ทรัมป์ว่า
หากดำเนินนโยบายที่แตกต่างจากที่นักยุทธศาสตร์อเมริกันวางไว้โดยไปใกล้ชิดกับผู้นำรัสเซีย
ขอให้ดูอดีตประธานาธิบดีเคนเนดีเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน พูดง่ายๆ คือ
กล้าที่จะข่มขู่ประธานาธิบดีของตัวเองว่า หากคิดไปคบหาสมาคมกับรัสเซีย
ก็อาจจะโดนแบบที่ประธานาธิบดีเคนเนดีเจอ
บารัก โอบามา
โกรธรัสเซียเพราะเห็นว่ารัสเซียเชียร์ทรัมป์ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป
อีกทั้งคงได้รับรายงานว่า หน่วยข่าวรัสเซียสามารถเจาะข้อมูลของพรรคเดโมแครตและแอบเอาไปให้ทีมงานของทรัมป์
โอบามาจึงออกคำสั่งขับนักการทูตรัสเซียประจำสหรัฐหลายคนออกนอกประเทศ
แต่ครั้งนี้ประธานาธิบดีปูตินไม่ตอบโต้
เพราะเห็นว่าอีกไม่กี่วันโอบามาก็จะพ้นตำแหน่งแล้ว
สู้รักษาความสัมพันธ์อันดีกับทรัมป์ไว้ดีกว่า
แต่ใช่ว่าปูตินจะอยู่เฉย
คนแบบปูตินมีฤทธิ์เดชไม่แพ้กัน แม้เขาไม่ขับนักการทูตในรัสเซีย
แต่เขากลับไปตอบโต้ด้วยการขับไล่องค์กรพัฒนาเอกชน หรือเอ็นจีโอ
ต่างชาติที่รับเงินจากจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงิน
(คนเดียวกับโจมตีค่าเงินบาทไทยเมื่อปี 2540) ที่มาเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตย
สิทธิมนุษยชนฯ ในรัสเซีย โซรอสเป็นคนที่หนุนพรรเดโมแครตอย่างเปิดเผย
และต้องการให้ฮิลลารีได้รับเลือกตั้งดป็นประธานาธิบดี ขณะเดียวกันก็ใช้ “กองทุนสังคมเปิด”(Open Soicety Foundations) ของตนสนับสนุนเอ็นจีโอท้องถิ่นและต่างประเทศล้มรัฐบาลประเทศที่ขัดใจอเมริกามาแล้วหลายแห่ง
จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป
ไม่ถึงกับต้องขับทูตอเมริกันออกไป
เพียงแค่จัดการกับเอ็นจีโอทุกแห่งในรัสเซีย ที่รับเงินสนับสนุนจาก จอร์จ โซรอส
ก็เท่ากับตบหน้าโอบามาและฮิลลารี ถือว่าเป็นการเล่นเกมที่ชาญฉลาดและสุขุมกว่าเยอะ
ขณะเดียวกันฮิลลารี ได้ประกาศขับไล่เอ็นจีโอต่างชาติและท้องถิ่นที่รับเงินสนับสนุนจากมูลนิธิของจอร์จ
โซรอส เคลื่อนไหวอยู่ในฮังการี ในข้อหาบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ รัฐบาลมาซิโดเนีย
รัฐเล็กๆ ที่แยกตัวจาดยูโกสลาเวีย ได้ประกาศห้ามเอ็นจีโอที่รับเงินจากมูลนิธิจอร์จ
โซรอส ดำเนินกิจกรรมในบางประเทศในข้อหารับเงินต่างชาติมาบ่อนทำลายความมั่นคงของรัฐ
รัฐบาลมาซิโดเนียเปิดโปงว่า มูลนิธิจอร์จ โซรอส ได้เคลื่อนไหวร่วมกับ ยูเสด
สถานทูตบางแห่งและรัฐบาลบางประเทศ
ซึ่งไม่ต้องเอ่ยชื่อก็รู้ว่าคือสหรัฐอเมริกานั่นเอง
ได้ให้เงินเอ็นจีโอและองค์กรทางสังคมหลายแห่งในการบ่อนทำลายประเทศ
กดดันให้รัฐบาลมาซิโดเนียทำตามความต้องการของสหรัฐ
ถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในและบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ
เวลานี้มีการจัดตั้ง “ขบวนการเอสโอเอส”(Stop Operation Soros Movement) หรือขบวนการปฏิบัติการหยุดยั้งการบ่อนทำลายจากกลุ่มโซรอส
ขึ้นมาในมาซิโดเนียและเริ่มแพร่หลายไปในหลายประเทศ บรรดา
เอ็นจีโอที่รับเงินจากจอร์จ โซรอส หรือรับเงินจาดยูเสด
บ่อนทำลายประเทศของตัวเองอาจถูกจับหรือถูกขับออกนอกประเทศ
ก่อนหน้านี้
รัฐบาลอินเดียได้ระงับใบอนุญาตของเอ็นจีโอในประเทศที่รับเงินจากต่างชาติ รวมทั้งที่รับเงินจากจอร์จ
โซรอส เพราะเกรงว่าจะมาบ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศ รายงานข่าวบอกว่า
เอ็นจีโออินเดียประมาณสองหมื่นแห่งต้องยุติกิจกรรมโดยสิ้นเชิง
ความเคลื่อนไหวของจอร์จ โซรอสนั้น
เชื่อว่าทรัมป์ทราบดี ทั้งทรัมป์และโซรอสนับว่าเป็นคู่มวยที่ถูกคู่สูสีกัน เพราะร่ำรวยด้วยกันทั้งคู่
แต่ทรัมป์มีอำนาจทางการเมืองและกฎหมาย ดังนั้นโซรอส คงโค่นทรัมป์ไม่ได้ง่ายๆ
เรื่องเอ็นจีโอหรือนักการเมือง
หรือสื่อมวลชนรับเงินจากต่างชาติมาทำงานนั้น รัฐบาลประเทศต่างๆ ตื่นตัวมากขึ้น
ทรัมป์เองประกาศชัดเจนว่า ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหารทำหน้าที่เป็นล็อบบี้ยิสต์ภายใน
5 ปีหลังพ้นตำแหน่ง และห้ามทำหน้าที่ล็อบบี้ยิสต์ให้รัฐบาลต่างชาติ “ตลอดชีวิต” พูดง่ายๆ ก็คือ รับเงินเขามาแล้ว
ความสัมพันธ์เปรียบเสมือน “นายจ้าง”กับ“ลูกจ้าง” ที่ลูกจ้างต้องทำงานตามที่นายจ้างต้องการ
และบ่อยครั้งสิ่งที่นายจ้างต่างชาติต้องการอาจกระทบต่อผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติ
รัฐบาลไทยน่าจะกำหนดให้เอ็นจีโอ
ซึ่งมีจำนวนหลายร้อยถึงพันองค์กร และส่วนใหญ่รับเงินจากต่างชาติมาทำงานเปิดเผยที่มาของเงิน
เพื่อความโปร่งใสและแสดงความบริสุทธิ์ใจ
หากทำเพื่อการพัฒนาสังคมให้ดีขึ้นคงไม่มีปัญหาอะไร
เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าภาคประชาสังคมไทยไม่ค่อยมีเงิน
แต่ถ้ารับเงินจากต่างชาติมาเพื่อดำเนินการในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับต่างชาติ
หรือสอดคล้องกับนโยบายของต่างชาติ
แต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติไทย ก็เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเอ็นจีโอหลายแห่งที่รับเงินสนับสนุนจากอเมริกา เช่น มูลนิธิเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตย
(เอ็น.อี.ดี.) ยูเสด (ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากสถานทูต)
ให้เคลื่อนไหวส่งผลกระทบต่อสถาบันสูงสุดและเสถียรภาพของรัฐบาล คาช.
เราจะพบเห็นเจ้าหน้าที่สถานทูต และสถานกงสุลบางคนไปวุ่นวายอยู่แถวภาคเหนือ
และสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
วันนี้กระแสต่อต้านการรับเงินจากต่างชาติมาบ่อทำลายประเทศตนเองค่อนข้างสูง
คนไทยจำนวนไม่น้อยหงุดหงิดกับเอ็นจีโอบางสำนักที่ต่อต้านรัฐบาลไปเสียทุกเรื่อง
อย่างไรก็ดี ใครรับเงินต่างชาติมาอย่างบริสุทธิ์ใจเพื่อช่วยให้พี่น้องคนไทยมีสภาพที่ดีขึ้น
ก็ไม่ต้องกังวล แต่ควรเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินจากต่างประเทศ การใช้จ่ายเงินอย่างโปร่งใส
สังคมตรวจสอบได้
-------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น