วิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่กลุ่มติดอาวุธได้ปรับเปลี่ยนวิธีการในการก่อเหตุ ในขณะที่ปีกด้านการเมืองก็ต้องแสวงหาพันธมิตรจากซีแย
ต้นเหตุของการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีเหล่านี้ล้วน
มาจากความรู้สึกของประชาชนที่สุดจะทนกับพฤติกรรมของกลุ่มโจร ซึ่งถ้าหากไม่เปลี่ยนแปลงวิธีการก็ยากที่จะประสบผลสำเร็จ
และนี่จึงเป็นศักยภาพ ณ เวลานี้ของขบวนการ
หากวิเคราะห์จากวิธีการก่อเหตุของกลุ่มโจรในพื้นที่
เช่นเผารถบัสโดยที่ช่วยขนกระเป๋าของผู้โดยสารลงให้ด้วย การที่ต้องใช้วัตถุระเบิดแสวงเครื่องในขวดน้ำดื่มของจักรยาน
หรือ กระเป๋าเงิน และล่าสุดก่อเหตุก่อกวนพร้อมกัน 12 จุดใน 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ลดลงของกลุ่มโจรอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามวิธีการทางทหารและกลุ่มโจร
ย่อมไม่ใช่หนทางอีกทั้งเครื่องมือหลักของขบวนการแต่อย่างใด เฉพาะยิ่งการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่โดยไม่เลือกเป้าหมายในหลายปีที่ผ่านมา
ทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่ยอมรับ เอือมระอาและสุดเบื่อหน่ายซึ่งเป็นสัญญาณของความพ่ายแพ้ทางการเมือง
ยิ่งช่วยตอกย้ำว่าที่ผ่านมาสิ่งที่กลุ่มโจรทำนั้น ไม่ตอบโจทก์ทางยุทธศาสตร์เป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี
ทั้งยังผลักให้เอกราชที่เรียกร้อง ซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้าย
ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
การที่
IGOs และ NGOs ไม่ให้ค่ากับขบวนการแม้กระทั่งองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC ที่เป็นองค์การระหว่างรัฐบาลที่สำคัญที่สุดของโลกมุสลิม ก็ไม่สนับสนุนการประกาศเอกราชของขบวนการ จึงต้องหวังพึ่ง CSOs สื่อและนักสิทธิมนุษยชนในพื้นที่
ตลอดจนทีมงานการเมืองระดับเยาวชน ที่ต้องถูกผลักออกมาแอ๊คชั่น เพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องมวลชนถดถอยในพื้นที่แทน
และการเคลื่อนไหวหนึ่งทางการเมืองของแกนนำระดับเยาวชน
ที่ได้ปรับเปลี่ยนยุทธวิธีเพื่อหวังการสนับสนุนจากมวลชนนอกพื้นที่ โดยเชื่อมความเคลื่อนไหวกับแกนนำเยาวชนนอกพื้นที่
นำเอาวาทกรรมทางการเมือง ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร มาขยายปมจากความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ
ฉวยโอกาส ชูประเด็นความเป็นประชาธิปไตยร่วมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง
เรียกร้องความสนใจจาก IGOs และ NGOs และประเทศมหาอำนาจ ให้หันมามองหวังอาศัยสถานการณ์
เพื่อยกระดับ ผลักตัวเองไปสู่จุดที่ต้องการ โดยล่าสุดจับมือกับแกนนำเยาวชนที่เคลื่อนไหวเรียกร้องการเลือกตั้ง
ประกาศเอาความเป็นประชาธิปไตยของชาติเป็นสิ่งเดียวกันกับเอกราชของปัตตานี แสดงความปลิ้นปล้อนทางวาทะที่ซ่อนนัยยะการไม่ยอมรับความเป็นรัฐชาติเดียวกันกับคนส่วนใหญ่
ย้อนยุคไปเกือบสามร้อยปี สมัยปัตตานีกับบางกอก ฉวยโอกาสในขณะที่สังคมห่างเหินการเลือกตั้ง และอยากเห็นความเป็นประชาธิปไตย
อยากได้ผู้แทนและผู้ปกครองที่ยึดโยงกับประชาชน ปีกการเมืองแนวร่วมโจรใต้มองเห็นเป็นโอกาส
ได้คิดเป้าหมายไปไกล และใหญ่กว่าคนอยากเลือกตั้ง เชื่อมสายสัมพันธ์ในระดับเยาวชน
หวังเกาะกระแสสังคมไปสู่เป้าหมายคือเอกราชโดยใช้คำว่าสันติภาพซ่อนพรางไว้อย่างแนบเนียน
ซึ่งเชื่อว่าเป้าหมายของแนวร่วมนี้ กลุ่มคนอยากเลือกตั้งเมื่อได้รู้ความจริงก็คงรับไม่ได้เช่นกัน
ยิ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ยินยอมอย่างแน่นอน ถอนตัวออกมาจากกลุ่มคนที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนเสียเถิด
หากยังร่วมมือกับกลุ่มโจรใต้ต่อไปคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าของเยาวชน นักศึกษาที่หลงผิดเหล่านี้
วิญญาณทหารหาญ และบรรพชนที่สละชีวิต เพื่อปกป้องแผ่นดินนี้ไว้
คงสาปแช่งและไม่ให้อภัย ....... ถอยออกมาก่อนที่จะถลำลึกไปกว่านี้ ก่อนที่จะถูกลงโทษและโดดเดี่ยวจากสังคม
จะพลอยให้คนรอบข้างและครอบครัวไม่มีที่ยืน ซึ่งเชื่อได้เลยว่ารัฐเองก็กำลังหาช่องทางในการดำเนินการทางกฎหมายกับปีกการเมือง
ของแนวร่วมกลุ่มนี้อยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐจำเป็นต้องทำ เพื่อยืนยันถึงความเป็นนิติรัฐอย่างแน่นอน
ผู้เขียน ค่อนข้างเชื่อในพลังและเจตนาบริสุทธิ์ของเยาวชน นักศึกษา ว่าในช่วงของวัยนี้สมองกล้าที่จะวิพากษ์
ปากที่กล้าวิจารณ์ถึงความไม่ถูกต้องในความคิดตน และสองมือที่พร้อมจะอุทิศหยาดเหงื่อเพื่ออุดมการณ์
เพื่อต้องการพิสูจน์ตนเองสร้างการจดจำให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น แต่การร่วมมือกับปีกการเมืองของโจรใต้ทำร้ายพี่น้องร่วมชาติ
ทำลายแผ่นดินตนเองนั้น เป็นสิ่งที่ เยาวชน
นิสิต นักศึกษา ของไทยในอดีต ไม่เคยกระทำ.....
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -