แบมะ
ฟาตอนี
เมื่อ 26 พ.ย.57 เวลา 13.30
น. ที่ศาลจังหวัดปัตตานีได้มีการนัดไต่สวนพิพากษาผู้ต้องหา
คดีคนร้ายใช้รถกระบะเป็นพาหนะไล่ยิงถล่มเจ้าหน้าที่ทหารชุดร้อย ร.15323 สังกัดหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 ขณะลาดตระเวนเส้นทางด้วยรถจักรยานยนต์
3 คันในพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี
เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตทันที 4 นาย
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่
28
กรกฎาคม 2555 ขณะเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.15323
หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 จำนวน 6 นาย ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน เป็นพาหนะออกจากฐานปฏิบัติการ
บ้านกระหวะ ต.กระหวะ อ.มายอ จ.ปัตตานี เพื่อลาดตระเวนเส้นทางดูแลความปลอดภัยให้กับครู และประชาชน ช่วงถนนสาย มายอ - บ้านปาลัส
ม.3 บ้านดูวา ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี
ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์อยู่นั้น
ได้มีคนร้ายจำนวน 18
คน มีอาวุธปืนครบมือ ใช้รถกระบะเป็นพาหนะ จำนวน 3 คัน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับตามประกบรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ทหารทั้งสามคัน
จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนสงครามหลายกระบอก กราดยิงเข้าใส่ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที
4 นาย ส่วนอีก 2 นายได้รับบาดเจ็บสาหัส
ก่อนขึ้นรถหลบหนีไปกลุ่มคนร้ายได้ขโมยอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 4
กระบอก พร้อมกับวิทยุ เสื้อเกราะของเจ้าหน้าที่ทหารไปด้วย
เจ้าหน้าที่ทหารที่เสียชีวิต 4 นาย
ได้แก่ สิบเอกลือชัย จุลทอง, พลทหารเบญจรงค์ สีแก้ว, พลทหารเอกลักษณ์ สีดอกไม้ และ พลทหารภาคิน หงส์มาก ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
จำนวน 2 นาย สิบเอกปรีดา
นพคุณ และ พลทหารอาคม ชูกล่อม
ภายหลังจากที่ผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานีได้ขึ้นนั่งบัลลังค์อ่านคำพิพากษา
ร่วม 4 ชั่วโมง ต่อหน้าโจทก์และจำเลย รวมไปถึงพยาน
และญาติที่มาร่วมรับฟังอยู่ในห้องพิจารณาคดีกว่า 20 คน
ซึ่งปรากฏว่า ศาลได้ตัดสินพิพากษาลงโทษด้วยการประหารชีวิต จำเลยทั้ง 5 คน ดังนี้
1.นายอิสมาแอ ดาโอง
2.นายมะซาฮาฟี มีทอ
3.นายกอเดร์ เจะแต
4.นายนิมูหัมหมัด นิเซ็ง
5.นายฮิสบุลลอฮ บือซา
เมื่อสิ้นสุดการอ่านคำพิพากษาของศาล
ถึงกับทำให้ญาติ และเพื่อนของจำเลยทั้ง 5
คนที่มาร่วมฟังคำตัดสินของศาล มีสีหน้าที่เคร่งเครียด
บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ อย่างไรก็ตามก็ต้องยอมรับคำตัดสินของศาล
เป็นไปตามพยานหลักฐาน และกระบวนของศาลสถิตยุติธรรม
นี่คือผลของกรรม ผลจากการกระทำ
เนื่องมาจากการหลงผิดเข้าร่วมบวนการโจรใต้ทำการก่อเหตุเข่นฆ่าผู้คนโดยไม่กลัวเกรงต่อบาป
มีความหย่ามใจเพราะโดนปลุกระดมให้ลงมือก่อเหตุแล้วไม่ถูกลงโทษ
แต่ในความเป็นจริงกฎหมายมีไว้บังคับใช้สำหรับผู้ที่กระทำความผิด
และจะต้องรับโทษทัณฑ์ที่ตัวเองได้ก่อกรรมทำชั่วไว้
หากท่านผู้อ่านจำเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28
กรกฎาคม 2555 กันไม่ได้ ผู้เขียนขอย้อนรอยเรื่องราวในวันนั้นกันอีกสักครั้ง
ทั้งที่ในความรู้สึกส่วนตัวไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำที่ไม่ควรจะจดจำ
กับการกระทำที่อุกอาดป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม ของขบวนการโจรใต้ ซึ่งได้มีการวางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี
กำหนดจุดในการลงมือก่อเหตุประกบยิง
ใช้กล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าวบันทึกการกระทำเหมือนรู้เห็นเป็นใจกัน
เพื่อต้องการสื่อภาพชั่วร้ายให้สังคมเกิดการรับรู้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่เกินชั่วโมงคลิปวีดีโอดังกล่าวได้หลุดออกไปเผยแพร่ในฟรีทีวีทุกช่อง
เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกลุ่มขบวนการ
เหตุการณ์ในวันนั้น มีกลุ่มขบวนการ ผกร.ร่วมทำการก่อเหตุ
จำนวน 18 คนด้วยกัน มีอาวุธปืนครบมือ ใช้รถยนต์กระบะ 3
คัน เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุสังหารเจ้าหน้าที่
และวันนี้ผลของการกระทำดังกล่าวได้ย้อนกลับมาลงโทษประหารชีวิต 5
โจรใต้ด้วยการตัดสินของศาล
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2557 ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ร่วมก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ทหารเหตุการณ์ข้างต้น
ให้เป็นบุคคลที่ถูกกำหนดตามมาตรา 5 แห่ง พรบ. ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
พ.ศ.2556 จำนวน 4 คน คือ นายปาตะ
ลาเต๊ะ, นาย อาหาหมัด ดือราแม, นายอับดุลฮาดี
ดาหาเล็ง และ นายระรูดิน ตาเฮ
4 ผกร.บึ้มเทพากลับลำไม่เข้าร่วม
ม.21 เจอคุก
อีกคดีหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ
คดีลอบวางระเบิดตลาดนิคมเทพา อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งมีผู้ต้องหา 8 ราย ถูกจับกุมเมื่อเดือน เมษายน 2554 และมี 4 ราย ที่แสดงความจำนงเข้ารับการอบรมแทนการฟ้องคดี
อันเป็นกระบวนการตามมาตรา 21
แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 หรือ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่ฝ่ายความมั่นคงเดินหน้าใช้เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยประกาศนำร่องในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา
ด้วยการเปิดโอกาสให้บุคคลที่ถูกต้องหาว่ากระทำความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคง
แต่กลับใจยอมเข้ามอบตัว หรือกระทำไปเพราะหลงผิด
ได้เข้ารับการฝึกอบรมจากรัฐเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน แทนการถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม
ผู้ต้องหา 4 รายนี้ ถือเป็น 4
รายแรกที่เข้าร่วมกระบวนการตามมาตรา 21
ทว่าเมื่อถึงขั้นตอนที่ต้องขึ้นศาลจังหวัดนาทวี เพื่อให้ศาลสั่งเข้ารับการอบรมแทนการฟ้องคดี
ช่วงเดือนธันวาคม 2554 ปรากฏว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 คนดังกล่าวกลับลำ ไม่ยอมเข้าร่วมกระบวนการ โดยอ้างว่าถูกบังคับ
ถูกซ้อมทรมาน และถูกข่มขู่ ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคง ยืนยันว่ากระบวนการเป็นไปตามความสมัครใจ
และได้บันทึกภาพวีดีโอไว้ทุกขั้นตอน
ทั้งนี้ ท้ายที่สุดผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ไม่ได้เข้าร่วมกระบวนการตามมาตรา 21
และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติร่วมกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ
กระทั่งเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2557 ศาลได้มีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลย
4 คน เป็นเวลา 35 ปี และจำคุก 2 ปี 8
เดือนกับจำเลยอีก 1 คน ส่วนอีก 3 คน ศาลพิพากษายกฟ้อง
สำหรับจำเลย 4 คน ที่โดนลงโทษจำคุกคนละ 35 ปีนั้น
เป็นคนที่เคยตัดสินใจเข้ากระบวนการตามมาตรา 21
เพื่ออบรมแทนการฟ้องคดี แต่เปลี่ยนใจในภายหลัง ซึ่งนับเป็นโครงการที่ดีที่หน่วยงานภาครัฐได้เน้นโครงการนี้มาก
เพราะเป็นโอกาสของการเอาชนะทางการเมืองเหนือกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
ทำให้ฝ่ายขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนกระทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้กระบวนการนี้ประสบความสำเร็จ
จึงมีการส่งคนไปข่มขู่ตัวผู้ต้องหาและญาติเพื่อไม่ให้เข้าร่วมกระบวนการมาตรา 21
"ผลคำพิพากษาของศาลทำให้พิสูจน์ได้ว่า
เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการบังคับขู่เข็ญให้ใครเข้าร่วมกระบวนการตามที่มีการกล่าวหา
แต่เจ้าหน้าที่มองประโยชน์ที่ตัวผู้กระทำผิดแล้วกลับใจเป็นหลัก
เพราะการดำเนินคดีมีพยานหลักฐานชัดเจน
เมื่อผู้ต้องหาเปลี่ยนใจไม่ยอมเข้ารับการอบรมแทนการฟ้อง และเดินหน้าต่อสู้คดีเอง
ผลก็ปรากฏออกมาอย่างที่เห็น" ส่วนจำเลย 3 คน ที่ศาลยกฟ้อง
ทางอัยการจะยื่นอุทธรณ์ต่อไป
อยากให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจ เป็นบทเรียนกับญาติ
และตัวผู้หลงผิดที่ได้เข้าร่วมกับกลุ่มขบวนการ ไม่อยากให้เหตุการณ์ซ้ำรอยครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อศาลตัดสินประหารชีวิต
จะต้องมานั่งเศร้าโศกเสียใจ มีผลกระทบต่อจิตใจของผู้คนรอบข้าง ผู้หลงผิดสามารถเลือกแนวทางของตัวเองได้ด้วยการหยุดกระทำชั่ว
หยุดการก่อเหตุ หันหลังให้กับกลุ่มขบวนการ หันหน้ามารายงานตัวแสดงตนร่วมกันพัฒนาแผ่นดินถิ่นเกิด
กลับมาใช้ชีวิตเฉกเช่นคนปกติสุขกับครอบครัว....และในวันนี้เป็นที่ประจักษ์แจ้งแน่ชัดแล้วว่าเมื่อสมาชิก
ผกร.โดนจับกุมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
แกนนำแนวร่วมกลับทอดทิ้งลอยแพให้มวลสมาชิกต่อสู้อยู่เพียงลำพัง..มีเพียงญาติและครอบครัวเท่านั้นที่คอยให้กำลังใจ..แล้วจะท่านจะทำการต่อสู้เพื่อขบวนการไปทำไม?
กลับมาต่อสู้ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวลูกเมียไม่ดีกว่าหรือ....!
---------------------