"Ibrahim"
เมื่อปี พ.ศ. 2554 รัฐบาลในขณะนั้นได้อนุญาตให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาเปิดโรงเรียนอนุบาลได้
ส่งผลให้เด็กนักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าสู่ "อัตลักษณ์เชิงเดี่ยว"
ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงระดับอุดมศึกษา และเชื่อกันว่า BRN ใช้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ตาดีกา
และสถาบันปอเนาะเป็นแหล่งบ่ม คือจุดเริ่มสร้างแนวร่วมอายุน้อยในระดับเยาวชนให้ต่อต้านรัฐ
สั่งสมปัญหาความขัดแย้งมาถึงปัจจุบัน แต่ที่เป็นปัญหาใหม่เกิดขึ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้
เมื่อมีการตรวจพบว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนามีการการทุจริตงบประมาณอุดหนุนจากรัฐ
มีการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส ซ้ำเติมปัญหา จชต. อีกทั้งยังสนับสนุน ผกร.
ในพื้นที่ทำการก่อเหตุเป็นภัยต่อความมั่นคง
เมื่อส่องตัวเลขโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาที่เปิดทำการเรียนการสอนในพื้นที่
จชต. และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา พบว่าจังหวัดปัตตานีมีมากที่สุดจำนวน 121 แห่ง จังหวัดนราธิวาส 89 แห่ง จังหวัดยะลา 86 แห่ง และจังหวัดสงขลา (4
อำเภอ) จำนวน 58 แห่ง โดยโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาทุกแห่งจะได้รับการอุดหนุนจากรัฐ
จำนวน 8 รายการคือ เงินอุดหนุนรายบุคคล, เงินอุดหนุนพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้,
เงินอุดหนุนพัฒนาคุณภาพการศึกษา, เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว, เงินอุดหนุนเรียนฟรี
15 ปี, เงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวัน และเงินอุดหนุนโครงการอาหารเสริมนม
ที่น่าปวดใจยิ่งไปกว่านั้นคือ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐเป็นค่าบำรุง ค่าตอบแทนรายเดือน ค่าเสี่ยงภัยให้กับครู กลับถูกฉ้อโกงจ่ายให้กับครูไม่เต็มจำนวน อย่างเช่นครูที่มีคุณวุฒิจะได้ค่าตอบแทนรายเดือน 15,000 บาท แต่ได้รับจริงแค่ 7,000 - 8,000 บาทเท่านั้น ค่าเสี่ยงภัย 2,500 บาท จ่ายให้ครูแค่ 1,000 บาท แล้วส่วนต่างค่าตอบแทนที่รัฐจ่ายให้ครูโรงเรียนเอกชนสอนศาสนานำเงินไปไหน?
จากการตรวจเจอพบว่ามีการนำเงินไปสนับสนุนกลุ่ม ผกร. มีกลุ่มบุคคลที่แอบแฝงเป็นครูสอนศาสนา
ซึ่ง ผอ.โรงเรียนเอกชนสอนศาสนารู้เห็นเป็นใจ เช่นกรณี นายซาการียา หัดสมัด สมาชิก
ผกร. ก่อเหตุเผาร้านสะดวกซื้อ 7-11
เมื่อปี 59 และเคยก่อเหตุหลายคดี พบว่าโรงเรียนบากงพิทยาจ่ายเงินรายเดือนให้ทุกเดือนก่อนจะถูกจับกุมเมื่อเดือน
พ.ย.60
จึงเรียกร้องไปยังครูใน จชต.
จะต้องรับรู้สิทธิที่ตนเองพึงจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทนรายเดือน
ค่าเสี่ยงภัยได้รับเต็มจำนวนหรือไม่ อย่าปล่อยให้ค่าตอบแทนที่รัฐจ่ายให้ถูกเบียดบังนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตนหรือนำไปใช้ในทางที่ผิดด้วยการสนับสนุนความรุนแรง
โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาที่โกงกินเงินอุดหนุนจากรัฐจากการตรวจพบปีละหลายล้าน นำไปสนับสนุนฝ่ายความรุนแรงทำการก่อเหตุเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ลองคิดเล่นๆ นะ แค่โรงเรียนบากงพิทยาพบมีการทุจริตปีละ 17 ล้านบาท และอีก 70 กว่าโรงเรียนที่กำลังตรวจสอบอยู่ล่ะหากเจอเช่นโรงเรียนบากงพิทยาจะเป็นเม็ดเงินเท่าไหร่? นี่คือเบื้องหลังการบริหารจัดการโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาใน จชต. ที่ไม่มีความโปร่งใสมุ่งเพื่อผลประโยชน์ของผู้บริหารเจ้าของโรงเรียน ซ้ำร้ายยังเชื่อมโยงปัญหาไฟใต้ด้วยการสนับสนุนกลุ่ม ผกร. ก่อเหตุ เสียดายงบประมาณรัฐที่จ่ายไปแต่สิ่งที่ได้รับคือชีวิตผู้บริสุทธิ์ถูก ผกร. ทำร้ายด้วยเงินจากภาษีของประชาชนเอง จึงเร่งให้สำนักงานคณะกรรมการศึกษาเอกชน (สช.) และ ปปง. เข้าทำการตรวจสอบหลักฐานทางการเงินและข้อเท็จจริงเอาผิดกับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในพื้นที่ จชต. ต่อไป
----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น