‘แบมะ ฟาตอนี’
ข่าวเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวันที่ 17 พ.ย.59 ที่มีการเผยแพร่ของสำนักสื่อ รวมไปถึงภาพข่าวในสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ปัตตานี จุดแรกในพื้นที่ อ.หนองจิก ได้มีคนร้ายขว้างวัตถุคล้ายระเบิดเข้าในร้านค้าหมู่บ้าน
แต่ไม่ทำงาน และ อ.ยะหริ่ง คนร้ายวางระเบิดปั๊มน้ำมันหยอดเหรียญ
ส่งผลให้ชาวบ้านบาดเจ็บ 5 ราย...
พฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนมุ่งทำลายชีวิตประชาชน
คงจะไม่ใช่เป็นการกระทำของคนดีแน่!! โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้ง
2 จุด เป็นร้านค้าในชุมชนที่มีผู้คนพลุกพล่าน
การก่อเหตุแต่ละครั้งไม่เคยมีกลุ่มหรือองค์กรไหนยืดอกรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ครั้งแล้วครั้งเล่ากระทำเพื่ออะไร? ประชาชนจะต้องตกเป็นเป้าต่อความรุนแรง
การกระทำทั้ง 2
เหตุการณ์เป็นการลงมืออย่างอุกอาจโดยจุดแรกในเวลา 18.00 น.ขณะที่ชาวบ้านกำลังนั่งดื่มกิน
อยู่ภายในบริเวณร้านค้าของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมกำแพงวัดมุจลินทวาปีวิหาร หมู่ที่
1 ต.ตุยง อ.หนองจิก ได้มีคนร้ายจำนวน 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์
ขับผ่านบริเวณหน้าร้าน จากนั้นคนร้ายที่ซ้อนท้ายได้นำวัตถุบางอย่างที่ซุกซ่อนไว้ภายในเสื้อ
ก่อนที่จะขว้างเข้าไปในร้าน ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ภายในร้านต่างวิ่งกระเจิง
ออกมาเพื่อเอาชีวิตรอด แต่โชคดีที่ระเบิดไม่ทำงาน ทำให้มี่ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ในเวลาไล่เลี่ยกัน เวลา 18.20 น. ได้เกิดเหตุระเบิดบริเวณตู้น้ำมันหยอดเหรียญ
ข้างร้านสหกรณ์รวมพลัง หน้าวัดปิยาราม ม. 3 ต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง
การกระทำของคนร้ายได้ลงมืออย่างหน้าด้านๆ
ในขณะที่ประชาชนกำลังจับจ่ายสินค้าภายในสหกรณ์ดังกล่าว
ปรากฏว่าได้มีคนร้ายขับขี่รถยนต์เก๋งคันป้ายทะเบียนปลอม
มาจอดทำทีว่าจะมาเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันหยอดเหรียญ ซึ่งอยู่ด้านหน้าสหกรณ์
ก่อนที่คนร้ายที่ขับรถยนต์คันดังกล่าว จะนั่งรถจักรยานยนต์อีกคันหลบหนีไป
จากนั้นก็ได้เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น ทำให้เกิดเพลิงไหม้บริเวณหัวฉีด
ก่อนที่จะลามไปยังตัวอาคารของสหกรณ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ภายในสหกรณ์
ต่างรีบวิ่งออกมาทันที นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย
ที่กล่าวไปแล้วว่าการก่อเหตุที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นการกระทำของคนไม่ดี
เป็นสันดานของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่
โดยเฉพาะการก่อเหตุกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่น่าอายที่กลุ่มขบวนการกลับมาทำร้ายคนมือเปล่าไม่มีแม้อาวุธ ผู้ที่ไม่มีหนทางต่อสู้
ในทางกลับกันกลุ่มขบวนการกลับยกย่องบุคคลกลุ่มนี้ว่า “นักรบ” สมควรแล้วหรือ?
แต่ที่น่าสลดหดหู่ในหัวใจหนักไปกว่านี้คือ
กลับมีกลุ่มองค์กรที่เป็นแนวร่วมกลับเห็นดีเห็นงามด้วยกับพฤติกรรมกับการกระทำดังกล่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพจโจร มีการปลุกระดมสร้างความฮึกเหิม ความก้าวร้าว
ปลุกกระแสความเป็นมลายู ชี้ให้เห็นความหายนะที่เกิดขึ้นต่อผู้รุกรานปัตตานี
อีกประการหนึ่งมีการกล่าวโจมตีการเคลื่อนไหวของเพจที่มีการประณาม
นำเสนอข่าวสารข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ว่ามีการบิดเบือน
ละเมิดสิทธิมนุษยชน เปิดเผยเปิดโปงข้อมูลอันเป็นเท็จ และกล่าวหาเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ
อยากตั้งคำถามไปยัง คุณปกรณ์ พึ่งเนตร
บรรณาธิการสำนักข่าวอิศราเคยเข้าไปดูการโพสต์ของเพจหลายๆ เพจที่เคลื่อนไหวบิดเบือนความจริง
โยนผิดให้เจ้าหน้าที่รัฐ ปลุกกระแสการกำหนดใจตนเอง
เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากรัฐบาลไทยบ้างมั๊ย!! หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับการกระทำดังกล่าว
น่าคิดนะ..
รูปแบบการนำเสนอของสำนักข่าวอิศรา
เกาะติดจิกไม่ปล่อย ขุดคุ้ยความไม่ชอบมาพากลของการทุจริตคอรัปชั่น
เปิดโปงพฤติกรรมถือได้ว่าทำหน้าที่สื่อเป็นหูเป็นตาแทนประชาชนถือว่าเป็นสิ่งที่ดี
แต่ในทางกลับกัน สิ่งที่สำนักข่าวอิศราไม่เคยเตะ และกล่าวถึงเลย
นั่นคือพฤติกรรมของสื่อกลุ่มขบวนการที่เป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งรัฐ คุณปกรณ์
พึ่งเนตร ไม่เคยกล่าวถึงเลยน่าคิดนะ..
-------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น