11/08/2559

‘จอม เพชรประดับ’ถาม? ‘ตูแวดานียา’ตอบ!! การก่อเหตุของกลุ่มขบวนการมีความชอบธรรม


แบดิง โกตาบารู'

นายจอม เพชรประดับ Thai voice media สื่อกีฬาสีที่หลบลี้หนีภัยอยู่ต่างประเทศ สัมภาษณ์ข้ามทวีปผ่านแอปพลิเคชั่น Skype คนหนึ่งคือสื่อบ่อนทำลายประเทศชาติ อีกคนหนึ่งองค์กรภาคประชาสังคมที่คิดการใหญ่ต้องการเอกราช แยกตัวนครรัฐปัตตานีออกจากผืนแผ่นดินไทย

เมื่อคนสุดโต่งมาเจอกัน มันช่างเหมาะเจาะลงตัวสุดกระดิ่งติ่งเหวฉุดกันลงนรกอเวจี แค่การพาดหัวข่าว "ครม.ส่วนหน้า" ทหารคิด..ทหารทำ.จุดจบของ"สันติสุข"จังหวัดชายแดนใต้ ก็เกินขนาดแล้ว

นายตูแวดานียา ตูแวแมแง ผู้อำนวยการสำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา เครือข่ายภาคประชาสังคมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia เกี่ยวกับการที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการตั้ง ครม.ส่วนหน้า เป็นคณะทำงานชุดพิเศษเพื่อแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นข้าราชการและเป็นทหารทั้งหมดว่า ไม่ตอบโจทย์ที่จะสร้างความเข้าใจ หรือแก้ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ ทั้งมิติด้านเศรษฐกิจที่จะพัฒนาจังหวัดภาคใต้ให้มีความมั่งคั่ง มั่นคง และมิติทางการเมืองที่จะสร้างสันติภาพหรือสันติสุขให้เกิดขึ้น เพราะกองทัพ คือคู่กรณีของชาวบ้าน และเป็นศัตรูทางการเมืองของขบวนการก่อความรุนแรง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทหารได้สร้างบาดแผลในความรู้สึกของประชาชนที่ลึกมาก แล้วจะให้เป็นผู้สร้างความสุขสงบสันติ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และประชาชนยอมรับไม่ได้ แต่จะเป็นเงื่อนไขที่จะสร้างความหนักหน่วงให้เกิดความรุนแรงในอนาคต เชื่อว่า ครม.ส่วนหน้าของทหาร จะสร้างความชอบธรรมให้ขบวนการก่อความรุนแรงใช้เป็นข้ออ้างในการใช้ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

ตลอดระยะเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงของการสัมภาษณ์ ซัยตอน 2 ตน ได้มีการโยน มีการรับลูก มีการชี้นำเชื่อมโยงเพื่อบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาไฟใต้

นายตูแวดานียา ตูแวแมแง กล่าวว่า กรณีการเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบกว่า 20 จุด ในพื้นที่ 3 จชต.เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นการรักษาสถานะทางการเมืองในการต่อสู้ของกลุ่มขบวนการ ต่อเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ ถึงแม้การใช้ความรุนแรงด้วยกิจกรรมทางอาวุธ แต่เป็นการใช้เพื่อส่งสัญญาณที่มีนัยทางการเมือง เป็นความชอบธรรมของกลุ่มขบวนการ

แปลกแต่จริงกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม ปีกการเมืองของกลุ่มขบวนการส่วนใหญ่จะออกมาปกป้องการกระทำอันชั่วร้ายของซัยตอนด้วยกัน ถึงแม้จะสุดโต่งแค่ไหน..เข่นฆ่าผู้คนไปเท่าไหร่แต่กลับเห็นว่ามีความชอบธรรมในการกระทำความชั่วทั้งมวล หรือศาสนาได้บัญญัติคำสอนใหม่ การฆ่าคนไม่เป็นบาป แต่ได้บุญได้ขึ้นสวรรค์ไปพบพระเจ้าก็ไม่รู้

ยังกล่าวหาว่าการใช้กฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนในห้วงที่ผ่านมา กฎหมายรองรับไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำ แต่เมื่อมีการตั้งคำถามถึงกลุ่มขบวนการที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนกลับเลี่ยงคำถามและไม่ตอบเสียดื้อๆ แล้วจะให้คิดได้อย่างไรว่าพวกองค์กรภาคประชาสังคมสุดโต่งหลายองค์กรที่เคลื่อนไหวอยู่ ไม่ใช่พวกเดียวกันกับกลุ่มขบวนการโจรใต้ล่ะ

จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายตูแวดานียาฯ กลับกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้ที่ใช้ความรุนแรงโดยตรงในการต่อสู้ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนมาคิด จะบิดเบือนข้อเท็จจริงกันไปถึงไหน ระเบิดตูมๆๆ ไล่เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐหรอกหรือ? ช่างน่าชังสิ้นดีกับสมองอันน้อยนิด สมองที่มีอคติ เอนเอียง มองผิดเป็นถูก มองถูกเป็นผิด ไอ้คนพวกนี้เป็นคนจำพวกสมองกลับ

นายตูแวดานียาฯ ยังมีกล่าวโจมตีการพัฒนาพื้นที่ 3 เหลี่ยมเศรษฐกิจ ว่าประชาชนไม่เห็นด้วย เพราะการดำเนินการโครงการต่างๆ ของรัฐ จะมีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่
จะเห็นถึงความจริงใจและหน้ากากที่แท้จริงของเหลือบริ้นไรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะที่รัฐให้ความจริงใจเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาพื้นที่เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้มีความอยู่ดีกินดี แต่กลุ่มขบวนการและบรรดาองค์กรภาคประชาสังคมซึ่งเป็นปีกการเมืองของกลุ่มขบวนการกลับแอบอ้างประชาชนไม่ต้องการ แท้จริงแล้วเมื่อประชาชนต่างอยู่ดีกินดี มีการพัฒนาในทุกๆ ด้าน กลุ่มขบวนการกลัวเสียมวลชนมากกว่า

ประเด็นคำถาม กลุ่มขบวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อประชาชนในพื้นที่ 3 จชต.อย่างกว้างขวาง นายตูแวดานียา กลับให้ความเห็นว่าผู้ที่เสียหายคือรัฐ ในฐานะให้ความดูแลในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่มีหลักประกันความปลอดภัย ความมั่นคงให้กับประชาชน แต่กลับไม่ยอมกล่าวถึงการกระทำที่สุดโต่งของกลุ่มขบวนการโจรใต้แต่ประการใด

อีกทั้งในแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดความสูญเสียนายตูแวดานียา ยังตั้งคำถามว่ามาจากฝีมือของใคร? เป็นกลุ่มขบวนการจริงหรือเปล่า

นี่คือความรู้สึกของผู้ที่เป็นแกนนำทางความคิดซึ่งเป็นปีกการเมืองสนับสนุนกลุ่มขบวนการ ความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงทุกรูปแบบ แต่ทุกวันนี้จากการพิสูจน์หลักฐานทางคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความชัดเจน เที่ยงธรรมและบ่งชี้ได้ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการแทบทั้งสิ้นในการก่อเหตุ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐที่มักมีการแอบอ้าง แต่คดีใดที่มีเงื่อนงำไม่สามารถพิสูจน์ได้จะโยนผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำ พร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวกล่าวหามีการทำลายอัตลักษณ์วัฒนธรรมในพื้นที่ มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน แอบอ้างการไม่ได้รับความเท่าเทียมในการบังคับใช้กฎหมาย อีกทั้งไม่ได้รับการสนับสนุนในการนับถือศาสนา ซึ่งในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างที่กลุ่มคนเหล่านี้พยายามสื่อสารต่อสังคมใดๆ เลย..


-------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น